ข้อแท้จริงเรื่องวัดสาขาในต่างประเทศ

ข้อแท้จริงเรื่องวัดสาขาในต่างประเทศ


           เมื่อได้เขียนถึงสิ่งที่ได้เห็นว่าหลวงพ่อธัมมะในสายตาที่ตนเองเห็น ไปเมื่อวันก่อนแล้วก็รู้สึกสบายใจและคิดว่าคงไม่ต้องเขียนอะไรอีก เพราะอย่างที่ได้กล่าวไว้ว่าไม่ได้เรียนจบด้านอักษรศาสตร์ แต่วันนี้ก็มีเหตุที่ทำให้ต้องมาเขียนอีก เพราะไม่ต้องการให้กัลยาณมิตรของเรารับข้อมูลไปผิดๆ

            สืบเนื่องจากที่พิธีกรในรายการต่างคนต่างคิด ได้พูดแนะนำผู้ร่วมรายการคือนายมโนว่า เป็นอดีตลูกศิษย์คนสำคัญและเป็นผู้บุกเบิก สร้างวัดสาขาทั้งในและต่างประเทศจุดนี้เองที่เป็นแรงบันดาลใจ ให้ต้องออกมาเขียน

            ก่อนอื่นขอเล่าสักนิดว่า โดยลักษณะงานที่ต้องทำแล้ว จะขึ้นตรงกับหลวงพ่อ   ทัตตะคือ อาตมาดูแลความสะอาดเรียบร้อยในวัด (ก่อนที่หลวงพ่อจะส่งไปทำงานที่ต่างประเทศ) พูดตรงๆคือ เก็บขยะนั่นแหละ จากงานตรงนี้เองทำให้มีโอกาสที่ต้องเข้าไปถวายรายงานหลวงพ่อทั้งสอง เนื่องจากท่านให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก  ทำให้เห็นถึงคุณธรรมของหลวงพ่อทั้งสองบ่อยๆ

            โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณธรรมเรื่องความเคารพ หลวงพ่อทั้งสองรักและเคารพคุณยายอาจารย์มาก หลวงพ่อธัมมะเคยเล่าให้ลูกๆฟังว่า “หากคุณยายให้หลวงพ่อเข้าไปในถ้ำที่มีเสือแม่ลูกอ่อน หลวงพ่อจะเดินเข้าไปโดยไม่ถามสักคำว่าทำไมต้องเข้าไปเพราะมั่นใจว่าสิ่งที่คุณยายให้ทำ คือ สิ่งที่ดีที่สุด”

            สิ่งที่พวกเราเห็นอย่างชัดเจนมากคือ วันสลายร่างคุณยาย นั่นคือ การตอบแทนพระคุณที่หลวงพ่อทำให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการนิมนต์พระหรือพิธีกรรมต่างๆนั่นคือสุดๆจริงๆ อาตมาเคยถามท่านว่า  ทำไมหลวงพ่อจึงได้ตั้งใจทำทุกอย่างและลงรายละเอียดในการเตรียมงานทุกขั้นตอน ท่านตอบสั้นๆว่า “คุณยายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของหลวงพ่อ”

            จากความเคารพที่หลวงพ่อธัมมะมีต่อคุณยายนี้เอง คุณธรรมนี้จึงถูกถ่ายทอดมายังหลวงพ่อทัตตะ (นี่คือความภาคภูมิใจของอาตมาที่ได้ครูดี) หลวงพ่อทัตตะเคยบอกว่า “หากไม่ติดเพศของพระ หลวงพ่อจะกราบเท้ายายทุกวัน” และท่านจะตอกย้ำให้ลูกๆฟังเสมอว่า “หลวงพ่อธัมมะกับคุณยายมีพระคุณกับหลวงพ่อมากท่านทั้งสองคว้าหลวงพ่อมาจากนรกแท้ๆ หากไม่ได้ท่านไม่รู้ป่านนี้หลวงพ่อจะไปอยู่ไหน”

            สิ่งที่อาตมาเห็นอย่างชินตาในความรัก ความเคารพที่หลวงพ่อทัตตะมีต่อหลวงพ่อธัมมะคือ ทุกครั้งที่เข้าไปกราบถวายรายงานหลวงพ่อธัมมะ หลวงพ่อทัตตะท่านจะประนมมือคุยกับหลวงพ่อธัมมะทุกครั้ง เพราะท่านตระหนักและสอนตนเองอยู่เสมอว่าหลวงพ่อธัมมะคือ อาจารย์ของท่าน

            ขอฝากยอดกัลยาณมิตรทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ว่า นอกจากคุณธรรมสำคัญคือความเคารพ  ความมีวินัย และความอดทนแล้ว ยังมีคุณธรรมที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่จะต้องเป็นตัวรองรับคุณธรรมทั้งสามประการนั้น หลวงพ่อทัตตะเคยสอนลูกๆในองค์กรว่า คุณธรรมทั้งสามประการนั้น ถึงจุดหนึ่งเข้า มีโอกาสในการที่จะหย่อนได้ แต่หากมีคุณธรรมคือ ความกตัญญูแล้ว จะทำให้คุณธรรมสามประการนั้นมั่นคง ไม่คลอนแคลน (ตรงนี้เองที่คนบางคนขาดไป เลยมาแว้งกัดครูบาอาจารย์จนวุ่นวายไปหมด)

            จากความที่หลวงพ่อทัตตะมีความเคารพต่อหลวงพ่อธัมมะนี่เองจึงเกิดการขยายงานศูนย์สาขาในต่างประเทศ หาใช่จากบุคคลใดที่แอบอ้างไม่ กล่าวคือ เมื่อวัดพระธรรมกายมีความมั่นคงพอสมควรแล้ว หลวงพ่อธัมมะก็ปรารภว่า ลูกๆที่ยังกระจัดกระจายอยู่ทั่วโลกยังมีอยู่ ทำอย่างไรจะให้มีวัดของเราเป็นที่รวมของลูกๆเหล่านั้น

            เมื่อหลวงพ่อทัตตะได้ยินคำปรารภท่านก็เตรียมวางแผนว่าจะทำอย่างไร ก็ประจวบเหมาะกับมีกัลยาณมิตรท่านหนึ่งคือ กัลฯเพ็ญพักตร์ อนุกูลหรือพี่เล็ก จากอเมริกาได้เป็นตัวแทนหมู่คณะ เข้ามากราบหลวงพ่อทัตตะ ขอให้ส่งพระไป ประจำที่นั่น แต่เนื่องจากช่วงนั้น ยังเตรียมบุคลากรไม่ทันและต้องการทดสอบว่า กลุ่มคนกลุ่มนั้น จะเอาจริงแค่ไหน หลวงพ่อทัตตะจึงให้เขาไปรวมกลุ่มกัน อีกสักหนึ่งปี เพื่อวัดใจกัน รวมทั้งที่วัดก็จะได้มีเวลาในการเตรียมบุคลากร

            ในระยะเวลาหนึ่งปีนั้น ปรากฏว่ากลุ่มคนกลุ่มนี้มีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องมีคนมาเพิ่มขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ พอครบหนึ่งปี หลวงพ่อจึงได้อนุมัติส่งพระสองรูปและอุบาสกหนึ่งท่านไปประจำที่นั่น ในปีพ.ศ.๒๕๓๕ โดยในจำนวน ๓ ชีวิตนี้ 
            ๑.ไม่มีชื่อ มโน 
            ๒.แม้แต่ในเอกสารการจัดตั้งองค์กรก็มีชื่อ ตัวแทนผู้บุกเบิกวัดคือ กัลฯวรวุฒิ วรสุบิน กัลฯเพ็ญพักตร์ อนุกูล และกัลฯเรวดี เรืองตระกูลเท่านั้น ไม่มีชื่อ มโน แต่อย่างใด
            (ไม่ได้พูดลอยๆ เพราะเอกสารนี้อยู่ในมือของอาตมาจึงกล้าพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำ)
            มีเกร็ดที่สนุกตื่นเต้นซึ่งหมู่คณะที่นั่นจะรับทราบกันเป็นอย่างดีว่า เมื่อหลวงพ่ออนุมัติให้พระไปประจำ ญาติโยมก็ปลื้มอกปลื้มใจ ไปจัดหาบ้านเช่าเตรียมไว้แต่ในระหว่างที่พระอยู่บนเครื่องบินนั้น เจ้าของบ้านเช่าเกิดเปลี่ยนใจ ไม่ยอมให้เช่า จึงเกิดการเสียสละอันยิ่งใหญ่จนเป็นตำนานมาถึงทุกวันนี้ว่ากัลฯเพ็ญพักตร์และครอบครัวได้เอาบ้านของตนเองให้เป็นศูนย์ ตัวเองก็ไปเช่าที่ที่เล็กๆอยู่ นั่นคือ จุดเริ่มต้น ณ เมืองเซอริโตสที่แคลิฟอร์เนีย
ศูนย์ปฏิบัติธรรมเซอริโตส

            ซึ่งก็ไม่มี มโน มาเกี่ยวแต่อย่างใด
            เมื่ออยู่ที่เมืองเซอริโตส ไม่ถึงปี กลุ่มคนก็มากขึ้น จนบ้านนั้นรองรับไม่ได้
ด้วยบุญของคนที่นั่นมากมายเหลือเกิน หลวงพ่อทัตตะจึงได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนและเนื่องจากเราได้เซ็นสัญญาเป็นวัดพี่วัดน้องกับวัดฝอกวงซาน ซึ่งมีสาขาอยู่ที่อเมริกา หลวงพ่อจึงได้ไปเยี่ยมวัดของเขา ชื่อ วัดชีไหล คุยกันไปคุยกันมาเขาเลยถามหลวงพ่อว่า เห็นว่าหาวัดอยู่ใช่ไหม เขามีวัดเดิมที่ไม่ได้ใช้อยู่นะหลวงพ่อทัตตะก็บอกว่า หาจริงแต่ยังรวบรวมเงินไม่พอ เขาบอกไม่เป็นไรในที่สุดเขาก็ช่วยดำเนินการ จนกระทั่งเราได้วัดแห่งแรกคือ วัดพุทธเมย์วูด ซึ่งหลวงพ่อทัตตะท่านจะพูดด้วยความภาคภูมิใจเสมอว่า หลวงพ่อมาตั๋วใบเดียว  กลับมาได้วัดหนึ่งวัด
            เช่นเดียวกัน ไม่มี มโน เข้ามาเกี่ยวข้อง หลวงพ่อล้วนๆ

วัดพุทธเมวูดย์
            เมื่อรวบรวมหมู่คณะอยู่ที่วัดพุทธเมวูดย์ จนกระทั่งปลายปี พ.ศ. ๒๕๓๙
สาธุชนของเรามากขึ้น จนโบสถ์ที่วัดพุทธเมวูดย์ไม่สามารถรองรับได้ เราจึงได้ 
ดำเนินการซื้อที่ใหม่ ห่างจากวัดพุทธเมวูดย์ ๔๕ นาที ซึ่งก็คือ             
                               วัดพระธรรมกายแคลิฟอร์เนีย ในปัจจุบัน

วัดพระธรรมกายแคลิฟอร์เนีย

            ซึ่งก็ไม่มี มโน เข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
            โดยสรุปก็คือว่า ในการเกิดวัดสาขาที่ต่างประเทศนั้น เกิดจากนโยบาย
ในการขยายงานพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกายของหลวงพ่อธัมมะ โดยมีหลวงพ่อทัตตะและหมู่คณะ เป็นผู้สนองงาน ผนวกกับความทุ่มเทของ ยอดกัลยาณมิตรของเราในทุกที่ทุกแห่ง จึงทำให้เกิดความสำเร็จในปัจจุบัน
            โดยไม่มี มโน เข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด



อาสภกันโต ภิกขุ


ข้อแท้จริงเรื่องวัดสาขาในต่างประเทศ ข้อแท้จริงเรื่องวัดสาขาในต่างประเทศ Reviewed by asabha072 on 1:42 AM Rating: 5

3 comments:

  1. กราบขออนุโมทนาบุญกับหลวงพี่ด้วยเจ้าค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

    ReplyDelete
  2. สาธุ เพิ่งทราบความจริง อย่างนี้นี่เองครับ

    ReplyDelete
  3. สาธุ เพิ่งทราบความจริง อย่างนี้นี่เองครับ

    ReplyDelete

Powered by Blogger.