เกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย

เกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย

            เมื่อเปิดอ่านพระไตรปิฎก ผมมีแต่ความชุ่มชื่น เบิกบาน ปีติใจ เพราะพบเจอ แต่เรื่องราวที่สร้างความน่าศรัทธาเลื่อมใส เช่น เรื่องราวของสาธุชนที่ตั้งใจสร้าง วัดวาอาราม เช่น ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีที่สร้างวัดเชตวัน หรือนางวิสาขาที่สร้างวัดบุพพาราม


            แต่เมื่อย้อนกลับมาอ่านหนังสือพิมพ์ ดูข่าวต่างๆ ความรู้สึกของผม กลับพลิกเป็นตรงกันข้าม เพราะเจอแต่ข่าว คนด่าพระ คนดูถูกพระ หนีไปอ่านบทความ ต่างๆก็ไม่พ้นเรื่องทำนองเดียวกัน
            เกิดคำถามขึ้นในใจของผมทันทีว่า เกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย
            ในส่วนของพระ ผมคงไม่ก้าวล่วง เนื่องจากถูกปลูกฝังว่า ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ ซึ่งหลายคนก็ไม่เห็นด้วยกับคำนี้ แต่ผมเห็นด้วยในแง่ที่ว่า หากท่านทำดี ท่านก็ได้ บุญ แต่หากท่านทำไม่ดี ท่านก็จะได้รับผลกรรมของท่านเอง โดยที่เราไม่ต้องไปทำ อะไรเลย แต่ผมก็ไม่เคยดูดาย หากเห็นพระทำอะไรไม่ถูกต้อง ผมก็เข้าไปกราบแล้ว ถวายคำแนะนำท่านไป เนื่องจากบางองค์ท่านก็บวชใหม่ ยังไม่รู้ธรรมเนียมของพระ มากนัก หรือบางครั้งก็ต้องไปบอกครูบาอาจารย์ของท่านให้ช่วยบอก ช่วยแนะ แต่ผมไม่เคยด่าพระเลยครับ
            ในส่วนของคนหรือผู้ครองเรือนทั่วๆไป อันนี้สิที่ผมต้องเก็บมาพิจารณา เมื่อผมเป็นเด็ก เนื่องจากเป็นเด็กบ้านนอก อยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ จึงมีโอกาสได้รับการปลูกฝังจากญาติผู้ใหญ่หลายๆท่าน ตั้งแต่จำความได้ คุณป้าก็ปลุกให้ลุก แต่เช้าเพื่อออกมาใส่บาตรกับท่าน ถูกจับบวชเณรตั้งแต่สิบขวบ ในช่วงปิดเรียน ภาคฤดูร้อน ไม่รู้เรื่องอะไรหรอกครับ ยังเผลอวิ่งเล่นอยู่เลย แต่สิ่งที่ดูเหมือน จะไม่ได้อะไรตอนนั้น กลับมามีผลเมื่อผมโตขึ้น คือ ความสำนึกในคุณของ พระรัตนตรัย นึกถึงหลักธรรมที่ได้เรียนมา แม้จำได้ไม่หมด แต่แค่เรื่องอิทธิบาท ๔ ผมก็เอามาใช้ได้ตลอดชีวิตในการทำงานของผม
            ชีวิตของผมในวัยเด็ก ถูกหล่อหลอมจากคุณป้าด้วยนิทานก่อนนอน เนื่องจากโยมป้าไม่ได้แต่งงาน ท่านจึงเลี้ยงผมเหมือนลูกและให้ผมไปนอนกับท่าน ก่อนนอนท่านก็จะเล่านิทานให้ฟัง ซึ่งผมจะฟังอย่างตั้งใจจนหลับไปทุกวัน เมื่อโตขึ้นผมจึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วนิทานเหล่านั้น คือ พระเจ้าสิบชาติ ซึ่งเรื่องที่ผมชอบมากที่สุดคือ มโหสถ เพราะอยากจะฉลาดอย่างท่านบ้าง
            ย้อนกลับมาดูสังคมในปัจจุบัน จากสังคมใหญ่กลายเป็นสังคมเล็ก เป็นครอบครัวที่มีแต่ พ่อ แม่ ลูก หรืออย่างมากก็มีเพิ่มมาคือ คนรับใช้ จากการที่ พ่อ แม่ต้องดิ้นรนทำงาน หาเงิน จึงไม่มีเวลาที่จะอบรมลูก ปล่อยลูกให้อยู่กับคนรับใช้ หรือที่รับเลี้ยงเด็ก ดังนั้นการถูกปลูกฝังเรื่องคุณธรรมจึงแทบไม่ต้องพูดถึง บางคนสงสัย เห็นเด็กหน้าตาดี ผิวพรรณดี แต่ทำไมปากจัด วัยรุ่นทุกวันนี้ คำพูดคำจา ผู้ใหญ่ได้ยินแล้วตกใจ เห็นหน้าตาให้คะแนนสิบ แต่พอเอ่ยปากออกมา ให้คะแนนติดลบก็มี ที่เป็นอย่างนี้เพราะสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบตัว ลองเปิดดูทีวี กี่ช่องต่อกี่ช่อง ด่ากันไฟแลบ มีแต่อิจฉาริษยากัน เมื่อดูบ่อยเข้าบ่อยเข้า เกิดความ คุ้นชิน เลยเกิดพฤติกรรมเลียนแบบเข้า จนในที่สุดกลายเป็นเรื่องปกติในสังคม


            นี่อาจเป็นเพียงสาเหตุเล็กๆ แต่คือจุดเริ่มต้นที่ผมขอตั้งเป็นข้อสังเกตว่า จากจุดนี้เองที่จะนำไปสู่ปัญหาใหญ่ๆที่จะตามมาอีกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความรับผิดชอบในสังคม ที่จะมีผลอย่างยิ่งต่อโครงสร้างของประเทศชาติ              
             หากเราไม่เริ่มต้นปลูกฝังคุณธรรมให้กับเยาวชนของเราในวันนี้ ผมขอบอกเลยว่า ในอนาคตเราก็จะมีแต่ผู้ใหญ่ที่ขาดความรับผิดชอบ จะมองแต่ผลประโยชน์ส่วนตัว โดยขาดจิตสำนึกถึงผลของการกระทำของตนต่อสังคม เหมือนกับทุกวันนี้ ที่ผู้ใหญ่เป็นตัวอย่างออกมาจ้วงจาบพระผู้ใหญ่ ใส่ความพระ โดยไม่เกรงกลัวต่อบาป ส่งผลให้เด็กๆพลอยด่าพระตามไปด้วย ในที่สุดก็จะพากันตกเหว ตกนรกกันหมด
            ถึงเวลาแล้วหรือยังครับ ที่เราจะย้อนกลับไปพิจารณาและทำให้สังคมของเราเป็นเช่นสังคมในยุคเดิม ที่บรรพบุรุษของเราได้ทุ่มเทเอาชีวิตเป็นเดิมพัน สร้างสังคมให้น่าอยู่ มีแต่ความสงบร่มเย็น มีแต่ความเคารพ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน
            หรือเราจะปล่อยให้สังคมเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ
            หากเป็นเช่นนี้ เราจะมีหน้ากลับไปพบบรรพบุรุษของเราหรือครับ


Cr.ปรัศนี
เกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย เกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย Reviewed by asabha072 on 1:10 PM Rating: 5

No comments:

Powered by Blogger.