ฤาหมาป่าจะกินลูกแกะ


ในช่วงสองสามวันนี้มีเหตุการณ์ที่ทำให้ผมคิดถึงคุณพ่อขึ้นมาจับใจ เนื่องจากเมื่อตอนที่ผมยังเด็กเวลาที่โดนใครเอาเปรียบทั้งที่เราเป็นฝ่ายถูก ก็จะไปปรารภ(คือฟ้องนั่นแหละ)ให้กับท่านฟัง กี่ครั้งๆท่านก็จะพูดว่า ธรรมดา หมาป่ามันจะกินลูกแกะ พูดเสร็จก็หัวเราะฮึ ๆ แล้วก็ไม่ยอมจะอธิบาย จนผมต้องไปหาอ่านว่าเรื่องมันเป็นยังไง อ่านแล้วก็ขำ ๆ เข้าใจธรรมชาติของผู้ที่มีอำนาจว่าจะเอาให้ได้ซะอย่าง(ใครจะทำไม) เอาหล่ะ เผื่อเด็กรุ่นใหม่ นึกไม่ออกว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร เล่าย่อ ๆ สักนิด
มีหมาป่าตัวหนึ่งเดินมาที่ลำธาร  เห็นลูกแกะก้มดื่มน้ำอยู่ปลายลำธารก็คิดจะจับกินเป็นอาหารจึงแกล้งโมโห  ตวาดหาเรื่องว่า   " หน็อยแน่!  เจ้าลูกแกะ เจ้ากล้าดียังไง  ถึงไม่ยอมให้ข้าสอบปากคำ เอ้ย! ถึงเดินลงไปกวนน้ำให้ขุ่นจนข้าดื่มน้ำไม่ได้แล้ว "ลูกแกะตัวสั่นตอบด้วยความหวาดกลัวว่า  "ข้าดื่มน้ำอยู่ที่ปลายลำธาร  จะไปทำน้ำขุ่นได้ไง "  หมาป่ารู้สึกเสียหน้าแต่ก็ยังพาลต่ออีกว่า  " ถึงแม้เจ้าจะไม่ได้ทำเรื่องนี้  แต่ข้ามีอำนาจนะ เอ้อ!เมื่อหกเดือนก่อนข้ารู้น่ะว่าเจ้าพูดถึงข้าเสีย ๆ หาย ๆ" ลูกแกะรีบบอก  " แต่ตอนนั้นข้ายังไม่ได้เกิดเลยด้วยซ้ำ "  หมาป่าเจ้าเล่ห์นิสัยพาลยังไม่ยอมลดละ " ถ้าอย่างนั้น  ต้องเป็นพ่อของเจ้าแน่ ๆ ที่พูดให้ร้ายข้า  เพราะฉะนั้นเจ้าต้องชดใช้แทนพ่อของเจ้า "  หมาป่าพูดจบก็กระโจนเข้าขย้ำลูกแกะผู้น่าสงสารทันที
เล่ามาซะขนาดนี้ คงเข้าใจแล้วนะครับ ว่าทำไมจู่ ๆผมก็คิดถึงคุณพ่อ โถ ก็พระเถร เณร ชี ท่านจะมีอำนาจอะไรในมือหล่ะครับ เลือกตั้งก็ไม่ได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายที่ออกมาบีบเอา ๆ จนท่านจะหายใจไม่ออกกันอยู่แล้ว อาวุธอะไรก็ไม่มี มีแต่ธรรมาวุธ คือ ธรรมะ เหมือนลูกแกะตัวน้อย พอเจอเจ้าหน้าที่รัฐ ยิ่งประเภทมีอำนาจพิเศษล้นฟ้านี่ ยังไม่ทันจะเอ่ยปาก พระเณรก็สั่นเป็นเจ้าเข้า ยิ่งกว่าแกะน้อยแล้วหล่ะครับ อย่าเพิ่งรีบควันออกหูเลยนะ ขอโอกาสให้ท่านได้ใช้สิทธิของท่านตามกฎหมายบ้าง เพราะกรณีที่นำ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับกับพยานในคดีอาญานั้น ก็ระบุชัดเจนอยู่แล้วตามมาตรา 106/1 ว่า
ห้ามมิให้ออกหมายเรียกพยานดังต่อไปนี้
(1) พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ไม่ว่ากรณีใดๆ
(2) พระภิกษุ และสามเณรในพระพุทธศาสนาไม่ว่ากรณีใดๆ
(3) ผู้ได้รับเอกสิทธิหรือความคุ้มกันตามกฎหมาย
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะซักท่านเป็นพยานไม่ได้ ก็แค่เข้าไปหาท่านดี ๆ ไม่ใช่ยังไม่ทันไปก็ขู่ท่านแล้วว่า ไม่ให้ใครอยู่ด้วยนะ ห้ามมีทนาย เอ ตกลงนี่สืบพยานหรืออะไรกันแน่ เอ้า พอไปเจอท่านมีทนายอยู่ด้วย แล้วก็ทำความตกลงกันว่า ขอให้ทำคำถามมา กำหนดประเด็นให้ชัดเจน เพื่อให้ท่านได้มีเวลาขบคิด เพราะท่านเป็นพระ บวชตั้งแต่เป็นเณรองค์เล็กๆ เรื่องกฎหมายก็ไม่ทราบ เจ้าหน้าที่ก็ตกลง เรื่องมันก็น่าจะจบ เพราะนี่คือความคืบหน้าแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็แค่ เจ้าหน้าที่ไปทำเอกสารมา จะได้ดำเนินการกันต่อ 
แต่ที่มันไม่จบเพราะเจ้ากระทรวง พอทราบเรื่องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ บอกว่าควันออกหูทีเดียว โอ พอทราบเรื่องนี้ พระทั้งแผ่นดินก็ตัวสั่นเหมือนลูกแกะแล้วหล่ะครับ ยิ่งท่านเสียงดังลั่นว่า ผมมีอำนาจ แถมขู่จะออกหมายเรียก หมายจับ หากวิ่งได้ พระเณรทั้งสังฆมณฑลคงวิ่งหลบกันให้วุ่น ก็ไหน ๆเรื่องการตั้งสมเด็จพระสังฆราชจะลากยาวอยู่แล้ว แค่ใจเย็นทำประเด็นมาให้ท่านตอบ คงไม่ยากเกินไปกระมังครับ
ถึงวันนี้ในฐานะที่เรียนกฎหมายมาบ้างนิดๆหน่อยๆ ผมก็เลยอดจะสงสัยไม่ได้ว่า ตกลงวันนี้ กฎหมายที่ผมยกมาข้างต้น ยังใช้อยู่หรือไม่ และแม้จะมีกฎหมายพิเศษในการสอบสวนคดีพิเศษ ผมยังก็เห็นว่า ในฐานะพยานท่านก็มีสิทธิยื่นเป็นเอกสารได้ดังที่ทนายกล่าวอ้าง
งานนี้หากไม่ใช่เพราะผมเข้าใจผิด ก็คงเหลือประเด็นเดียวแล้วหล่ะครับ 
หมาป่าจะกินลูกแกะครับผม

ฤาหมาป่าจะกินลูกแกะ ฤาหมาป่าจะกินลูกแกะ Reviewed by asabha072 on 6:57 AM Rating: 5

No comments:

Powered by Blogger.