๒๕๕๙ ผู้ยิ่งใหญ่ครองเมือง

๒๕๕๙ ผู้ยิ่งใหญ่ครองเมือง

            วันก่อนผมได้อ่านหนังสือพิมพ์หลายฉบับ แทบจะทุกฉบับมีเรื่องที่ ท่านนายก ออกมาพูดถึงเรื่องการตั้งสมเด็จพระสังฆราช บอกตรงๆ ผมรู้สึก ไม่ค่อยสบายใจนักกับเนื้อหาของข่าว เนื่องจากบางฉบับแค่พาดหัว ก็ทำให้ ภาพลักษณ์ของท่านผู้นำติดลบ เช่น บางฉบับพาดหัวข่าวว่า
“ประยุทธ์” ฮึ่ม! “สงฆ์” ก็ต้องอยู่ใต้กฎหมาย
            คิดอย่างไรกันบ้างครับ ผมเข้าใจว่านั่นคือเทคนิคของการนำเสนอข่าว แต่หากมองถึงภาวะของความเป็นผู้นำ จากสายตาของคนนอกจะนึกถึงภาพ ของการพูดด้วยความขึงขัง ข่มขู่ ไม่สนใจว่าผู้ฟังจะรู้สึกอย่างไร เป็นการปราม ผู้อยู่ต่ำกว่าตน ถ้าจะว่าไป ณ วันนี้กลายเป็นว่า ผู้นำท่านนี้ผลักให้พระสงฆ์ไปอยู่ ฝั่งตรงกันข้าม จนมีคำถามขึ้นมาว่า ตกลงท่านเป็นชาวพุทธหรือไม่?
            ในเนื้อข่าวท่านก็กล่าวว่า
อย่าใจร้อน ถ้าไม่พร้อมก็ยังไม่ต้องตั้งสังฆราช
            ก็ต้องขอบอกว่ามีประเด็นที่ต้องพิจารณาคือ
            ๑. นี่ไม่ใช่เรื่องของความใจร้อน แต่เป็นเรื่องของความถูกต้องที่ต้อง ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายพ.ร.บ.สงฆ์ เนื่องจากสงฆ์เอง ท่านก็ต้องการผู้นำ มีองค์กรไหนบ้างที่เมื่อขาดผู้นำแล้วจะปล่อยไว้ แล้วก็คิดกันง่ายๆว่า ไม่ต้องรีบร้อน อะไร ลองนึกดูว่าหากเป็นบริษัทอะไรสักอย่าง เมื่อประธานบริษัทถึงแก่กรรม เขาก็ต้องรีบตั้งประธานคนใหม่ เพื่อเข้ามาบริหารกิจการ คงไม่มีบริษัทไหนจะคิดว่า เอาไว้ก่อน รอให้มีอารมณ์แล้วค่อยตั้ง
            ๒. หากยังไม่พร้อมก็ยังไม่ต้องตั้ง ก็ต้องถามว่า ความพร้อมของใคร เพราะ สงฆ์ทั้งสองนิกาย พร้อมแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ด้วย ณ วันนี้มีแค่กลุ่มคนและพระ (หรือปล่าว)บางรูปที่ออกมาค้าน แล้วก็กลายเป็นเงื่อนไขที่รัฐบาลบอกว่า มีการค้าน กันอยู่ ซึ่งจุดนี้เป็นประเด็นที่นักกฎหมายก็งุนงงกันอยู่ว่า หากจะมองกันแบบนี้ ต่อไปภายหน้า หากจะมีการตั้งรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรี แล้วมีใครออกมาค้าน แค่คนสองคน จะตั้งได้หรือไม่ จะถือว่าไม่เรียบร้อยแบบนี้ได้หรือไม่
            เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ จึงห้ามไม่ได้ที่จะไม่ให้มีการตั้งคำถามกันขึ้นมาว่า ณ วันนี้ กำลังเกิดอะไรขึ้นกับพระพุทธศาสนาในประเทศไทย
            หลายท่านอาจจะไม่ทราบว่า พระสงฆ์ไม่สามารถและไม่มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเช่นเดียวกับผู้อื่น รวมทั้งผู้นำศาสนาหรือนักบวชใน ศาสนาอื่น แต่บุคคลเหล่านั้นสามารถเลือกตั้งได้ จึงมีสิทธิมีเสียงได้ ผู้มีอำนาจจึง ไม่สามารถข่มขู่ได้เช่นที่ปฏิบัติกับพระสงฆ์ หากกรณีเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับผู้นำใน ศาสนาอื่น เรื่องราวจะออกมาแบบนี้หรือไม่
            สิ่งที่ถูกจับตามองมากที่สุดและถูกตั้งเป็นอีกคำถามคือ มีอะไรอยู่เบื้องหลัง เรื่องนี้หรือไม่ เนื่องจากเรื่องการตั้งสมเด็จพระสังฆราชนี้ถูกลากยาวมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่สมัยสมเด็จวัดสระเกศ และก็มีทีท่าว่าจะลากยาวไปจนกว่าจะได้ตามธงที่ถูก ตั้งไว้ตั้งแต่ต้นใช่หรือไม่
            คนที่จะตอบเรื่องนี้ได้ ก็คงจะมีอยู่ไม่กี่คน และคงรู้อยู่แก่ใจว่า สิ่งที่ตนเอง ได้กระทำนั้นมันถูกต้องหรือไม่ ก็ขอบอกว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด ก็ตาม ได้ก่อให้เกิดความบอบช้ำขึ้นในวงการพระพุทธศาสนาในประเทศไทย และเรื่องนี้จะถูกจดจำ ถูกบันทึกไปอีกนานแสนนาน
            เมื่อใดเรื่องราวทุกอย่างได้กระจ่างแจ้งออกมาว่าความจริงเป็นอย่างไร วันนั้น ผู้ก่อเหตุอาจจะไม่ได้อยู่แล้ว แต่เคยคิดถึงไหมว่า ลูกหลานที่อยู่ภายหลังจะอับอาย จนถึงอาจจะต้องเปลี่ยนนามสกุลไปเลยก็ได้


Cr.แปะไซ
           



๒๕๕๙ ผู้ยิ่งใหญ่ครองเมือง ๒๕๕๙ ผู้ยิ่งใหญ่ครองเมือง Reviewed by asabha072 on 3:50 PM Rating: 5

No comments:

Powered by Blogger.