หลวงพ่อสอนอะไร(ตอนที่ ๕๔) เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า



หลวงพ่อสอนอะไร(ตอนที่ ๕๔)

เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า


     ในช่วงรอบปีที่ผ่านมาเมื่อเปิดดูข่าว ไม่ว่าจะเป็นทางหนังสือพิมพ์หรือข่าวจากอินเทอร์เนตจะพบลักษณะที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นส่วนงานราชการหรือบริษัทเอกชน ไม่เว้นแม้กระทั่งในครอบครัว คือ การโทษผู้อื่นหรือโยนความรับผิดชอบให้กับคนอื่น ปัดสวะให้พ้นตัว หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า ป้ายขี้ให้ผู้อื่น



     สิ่งเหล่านี้มันฟ้องถึงการขาดความรับผิดชอบ ซึ่งในประเทศที่เจริญแล้วจะไม่มีเหตุการณ์ทำนองนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำจะแอ่นอกรับผิดชอบแล้วรีบแก้ไขทุกอย่าง ให้กลับไปอยู่ในภาวะปกติโดยเร็วที่สุด ไม่ใช่โทษรัฐบาลก่อนหรือโทษคนอื่น



     อาตมาเคยปรารภเรื่องนี้กับหลวงพ่อทัตตชีโว หลวงพ่อได้เมตตาชี้ให้ดูว่า

     “ สิ่งที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่เกิดเดี๋ยวนี้ เวลานี้ แต่มันเป็นเรื่องที่สะสมมาจากครอบครัว หรือพูดง่าย ๆ ว่าที่บ้านเป็นคนสร้างนิสัยเสีย ๆ ให้กับเด็ก พอจะนึกภาพออกไหม ก็เวลาที่ทำข้าวของหล่น ข้าวของตก ก็จะร้องเหมียว อ้าว ไอ้เหมียวกลายเป็นคนทำไปซะนี่ เราฝึกให้โทษผู้อื่นตั้งแต่ยังเด็กแล้ว เรื่องเล็กน้อยพวกนี้แหละ พอทำบ่อยเข้าก็เลยกลายเป็นนิสัย ”

     พอนึกถึงเรื่องนี้ทำให้อาตมานึกไปถึงช่วงที่เป็นพระพี่เลี้ยงสามเณร หลวงพ่อเคยให้คอยสังเกตสามเณรให้ดี ท่านบอกว่า

     “ อย่าให้ลูกเณรโกหกนะ คอยดูให้ดี พี่เลี้ยงต้องรู้จักสังเกต เด็กนี่หากเริ่มโกหกจะมีพิรุธ จะหลบตาบ้าง มือไม้จะเกะกะไปหมด น้ำเสียงขาดความมั่นใจ ปากสั่นบ้าง หากพี่เลี้ยงจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ไม่รู้จักสังเกต ปล่อยให้ลูกเณรหลอกได้ถึง ๓ ครั้ง ทีนี้หล่ะ มันจะกลายเป็นเซียนเลย โกหกเนียน จับไม่ได้เลยก็แล้วกัน ”



     อีกครั้งหนึ่งเมื่อหลวงพ่อมาตรวจที่กุฏิสามเณรท่านได้สอบถามถึงกิจวัตรกิจกรรม แล้วให้ข้อคิดไว้ว่า

     “ อย่าให้ลูกเณรนอนตื่นสายนะ นอกจากจะเสียกิจวัตรแล้ว ยังจะเป็นการสร้างนิสัยไม่ดี คือจะมีมารยา หาเหตุเอาตัวรอด ”

     เมื่อหลวงพ่อบอกอย่างนี้ ภาพของอาตมาเอง เมื่อยังเด็กเกิดขึ้นในใจทันที วันไหนที่นอนตื่นสาย ไปโรงเรียนไม่ทัน จะต้องหาเหตุป่วย วิธีการคือเอาหน้าผากไปอังกับเตาไฟฟ้าแบบขดลวด ร้อนได้ที่ก็มานอนห่มผ้า ทำท่าไม่สบาย เจ้ามารยาสุด ๆ



     สิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อได้ตอกย้ำให้ลูก ๆ ในองค์กรได้เห็นภาพรวมของทั้งโลกคือ เกิดความหวาดระแวงกัน จึงทำให้มีการยุแหย่ ฉกฉวยประโยชน์กัน กลายเป็นแต่ละคนก็มีเล่ห์เหลี่ยม หลวงพ่อท่านได้เล่าโดยเอาประสบการณ์ของตัวท่านเองให้เห็นว่า เล่ห์เหลี่ยม เป็นสิ่งที่เกิดจากการบ่มเพาะตั้งแต่ยังเป็นเด็ก

     “ พวกเราแต่ละคน มีเล่ห์เหลี่ยมกันทั้งนั้น มีประเภทเดียวที่ไม่มี คือพระอรหันต์ หลวงพ่อเคยถามตัวเองว่า เราเริ่มมีเหลี่ยมครั้งแรกเมื่อไร ไล่ไปไล่มา พบว่ามีตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น”

ตรงนี้อยากจะให้คุณพ่อคุณแม่ได้ตั้งใจอ่านกันให้ดีนะ

     “ เหตุที่ต้องมีเล่ห์เหลี่ยม ก็เพราะติดสนุกและขี้เกียจ เป็นไงเหรอ ก็เห็นเพื่อน ๆ เขาเล่นสนุก ก็อยากไปเล่นบ้าง แต่แม่ไล่ให้ไปอาบน้ำ ก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำ แค่วิ่งผ่านน้ำ แล้วก็รีบออกมา นั่นเหลี่ยมเกิดแล้ว

     ส่วนขี้เกียจ ก็เกี่ยงพี่ ๆ ไม่อยากล้างจาน ยิ่งวันไหนทั้งขี้เกียจ ทั้งติดสนุก เพราะมีหนังมาฉาย บ้านก็อยู่ไกลห่างตั้ง ๒ กิโล พอทานข้าวเสร็จก็เกี่ยงให้พี่ ๆ ล้าง ถ้าเขาไม่ยอม ก็ทิ้งเลย กะว่าเช้าค่อยล้าง พอเช้ามา จากการที่ทิ้งไว้ มดมันเลยขึ้น พอต้องรีบล้างต้องทำไง ก็สาดน้ำโครมเข้าไป มดลอยเป็นแพ ไม่ได้สงสารหรอก ไม่ได้คิดว่าเป็นความผิดของตนเองด้วย มันเป็นความผิดของมด ”


     พอหลวงพ่อเล่าถึงตรงนี้ อาตมาจึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมวัดพระธรรมกายจึงเจอกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ก็เพราะเกิดจากอดีตเด็กนิสัยไม่ดี ที่มีโอกาสมาบริหารบ้านเมือง เมื่อตัวเองทำอะไรผิดพลาด แทนที่จะแก้ไขจะโทษตนเอง ก็หาเรื่องวัดให้เป็นข่าว เพื่อเอาไปกลบความชั่ว ความเลวของตนนั่นเอง



หลวงพ่อได้เมตตาเล่าต่อไปว่า

     “ จนกระทั่งได้มาเจอยาย ได้ฝึกสมาธิมากเข้าจึงเริ่มได้คิด ย้อนไปนึกถึงว่า แท้จริงมันคือความผิดของเรา ที่ทิ้งเศษอาหารไว้ เศษอาหารพวกนั้น มันคืออาหารของมด พอทิ้งไว้มันก็คิดว่านั่นอาหารของมัน สาดน้ำลงไปมันตายมันคงด่าว่า อ้าว เชิญมันมากิน แล้วมาฆ่ามัน นี่เมื่อใจใสจึงมองออก ”

แล้วหลวงพ่อก็ให้บทสรุปว่า

     “ คนส่วนมากไม่ได้มองตัวเอง ไม่คิดว่าตัวเองมีเหลี่ยมมีคู แท้จริงเหลี่ยมเกิดจากความไม่จริงใจ แล้วกลายมาเป็นความไม่รับผิดชอบ ”

     ก็คงขอฝากพวกเราช่วยกันสร้างสรรค์เด็กในวันนี้ ให้เขาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณธรรม ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม จะได้ช่วยกันมารับผิดชอบพระพุทธศาสนา ไม่ใช่มารังแกวัดรังแกพระ แบบอดีตเด็กในวันนี้




ขอขอบคุณภาพจากgoogle.com
อาสภกันโต ภิกขุ
๑๖ ก.ย. ๕๙








หลวงพ่อสอนอะไร(ตอนที่ ๕๔) เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า หลวงพ่อสอนอะไร(ตอนที่ ๕๔) เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า Reviewed by asabha072 on 9:21 PM Rating: 5

47 comments:

  1. สุดยอดคำสอนครับ
    สามเณรยุคนั้นจึงมาเป็นพระบวชอุทิศชีวิตผู้เป็นอายุพระพุทธศาสนาในวันนี้ครับ

    ReplyDelete
  2. สงสัยคน "พวกนั้น" คงกินข้าวแล้วไม่ได้ "ล้างจาน" ปล่อยให้ "หมา" มา "เลีย" ชาม พอเกลี้ยงแล้วก็เอามาใส่ข้าวกินใหม่มั๊งครับ.. เลยติดนิสัย หมาหมา มาด้วย

    ReplyDelete
  3. โอ้โหหห!!!หลวงพี่มีวิธีการ และการเตรียมตัวป่วยแบบเป็นเหตุเป็นผลมากค่ะ ต้องตัวร้อนก่อนนะคะคนป่วย อิอิ

    ReplyDelete
  4. โอ้โหหห!!!หลวงพี่มีวิธีการ และการเตรียมตัวป่วยแบบเป็นเหตุเป็นผลมากค่ะ ต้องตัวร้อนก่อนนะคะคนป่วย อิอิ

    ReplyDelete
  5. ชื่นชอบการถ่ายทอดของพระอาจารย์มีคุณค่าและมีประโยชน์มากค่ะ

    ReplyDelete
  6. วันนี้นั้นทุกท่านได้สุขศรี
    วันนี้ที่ผองพี่ยังสุขสันต์
    วันนี้นานยังสุขทั่วหน้ากัน
    วันนี้ฉันปลื้มสุขตลอดกาล
    ธรรมสอนสั่งหยั้งใจให้เป็นสุข
    ธรรมช่วยทุกข์หมดไปใจสุขศานติ์
    ธรรมรักษาจิตใจให้เบิกบาน
    ธรรมบันดาลให้สุขตลอดไป
    ชัยชนะพระธรรมนำดวงจิต
    ชัยชนะพิชิตจิตผ่องใส
    ชัยชนะหมู่มารทุกชาติไป
    ชัยชนะให้พระชนะมาร...

    ReplyDelete
  7. การเริ่มปลูกฝังศีลธรรมและสิ่งดีงามแต่วัยเด็กเท่ากับปลูกฝังรากแก้ว + วัคซีนที่แข็งแรงลงไปในดวงใจของเด็กให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างมีคุณภาพได้

    ReplyDelete
  8. กราบนมัวการคะ เท่าที่ได้รู้จักและอบรมเด็กๆที่อเมริกา ไม่ค่อยเจอปัญหาโกหก หรือเอาเปรียบกันคะ

    ReplyDelete
  9. กราบ กราบ กาาบ ขอบคุณครับยกตัวเองเป็นตัวอย่างเห็นภาพเลยครับสาธุ สาธุ สาธุ

    ReplyDelete
  10. กราบ กราบ กาาบ ขอบคุณครับยกตัวเองเป็นตัวอย่างเห็นภาพเลยครับสาธุ สาธุ สาธุ

    ReplyDelete
  11. ชาตินี้ถือว่าเกิดมาแล้วคุ้มที่เป็นศิษย์ที่มีครูบาอาจารย์สุดยอดมากๆ..#ประเสริฐจริงในสิ่งที่ท่านเป็นต้นบุญ /ต้นแบบที่งดงาม

    ReplyDelete
  12. ชอบคำสอนของหลวงพ่อมากๆคะ ทุกถ้อยคำที่หลวงพ่อสอนล้วนเป็นสิ่งใกล้ตัวเป็นการฝึกนิสัยดีหรือเสีย คือการแก้นิสัยไม่โกหกและให้หัดจับดี

    ReplyDelete
  13. สาธุเจ้าค่ะ

    ReplyDelete
  14. สาธุเจ้าค่ะ

    ReplyDelete
  15. คำสอนของหลวงพ่อ ลึกซึ้งเข้าถึงแก่นของปัญหา และมีทางแก้ในทุกเรื่อง สาธุค่ะ

    ReplyDelete
  16. เด็กถ้ามีศีลธรรม ต่อไปก็เป็นผู้ใหญ่ที่ดี กลายเป็นสังคมที่ดีต่อไป

    ReplyDelete
  17. พบครูดีแล้วต้องเอามาปรับปรุงตัวเองจึงจะดี

    ReplyDelete
  18. พบครูดีแล้วต้องเอามาปรับปรุงตัวเองจึงจะดี

    ReplyDelete
  19. อ่านบทความนี้แล้วได้ข้อคิดว่าถ้าตัวร้อนต้องนอนห่มผ้าด้วยแต่จะให้ดีให้เอาถุงเท้าพันคอด้วย จะหายเร็วขึ้นครับ

    ReplyDelete
  20. อ่านบทความนี้แล้วได้ข้อคิดว่าถ้าตัวร้อนต้องนอนห่มผ้าด้วยแต่จะให้ดีให้เอาถุงเท้าพันคอด้วย จะหายเร็วขึ้นครับ

    ReplyDelete
  21. สาธุเจ้าค่ะ น่าสนใจที่สุดเจ้าค่ะ

    ReplyDelete
  22. แจ่มแจ้งเลยครับ สาธุ

    ReplyDelete
  23. อ่านคำสอนของหลวงพ่อแล้วเกิดความละอายใจจริงๆเลย ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นคนเลว ทำเลวอะไร แต่รู้สึกว่าตัวเองก็มีเหลี่ยม มีคูเหมือนกันกับทุกคน อ่านแล้วได้ข้อคิดมากเลยเจ้าค่ะ กราบขอบพระคุณที่ท่านเมตตาให้สติเจ้าค่ะ

    ReplyDelete
  24. ต้องปฏิบัติตนเอง ให้เป็นตัวอย่างที่ดีก่อน สาธุๆๆครับ

    ReplyDelete
  25. คำสอนของหลวงพ่อละเอียด..และเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งมากๆครับ...กราบอนุโมทนา..สาธุหลวงพ่อครับ

    ReplyDelete
  26. คำสอนของหลวงพ่อละเอียด..และเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งมากๆครับ...กราบอนุโมทนา..สาธุหลวงพ่อครับ

    ReplyDelete
  27. สาธุๆๆ คำสอนอันทรงคุณค่า !!!
    "เด็กในวันนี้ คือผู้ใหญ่ในวันหน้า" หากเด็กหรือเยาวชนของชาติ มี "ความรู้คู่คุณธรรม" ก็ย่อมจะทำให้ประเทศชาติและพระพุทธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองสถาพรสืบไป

    ReplyDelete
  28. กราบอนุโมทนาสาธุหลวงพ่อเจ้าค่ะ

    ReplyDelete
  29. กราบอนุโมทนาบุญสาธุค่ะ

    ReplyDelete
  30. อยากเห็นฉบับรวมเล่มจังครับ

    ReplyDelete
  31. อนุโมทนาบุญสาธุสาธุ

    ReplyDelete
  32. กราบสาธุค่ะ ขัดเจนในคำสอนของพระพ่อ

    ReplyDelete
  33. กราบอนุโมทนาบุญค่ะ 😀

    ReplyDelete

Powered by Blogger.