The truth is the truth



The truth is the truth
 
                    

     นับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน และคิดว่าคงจะต่อเนื่องไปถึงอนาคต ก็คงจะมีการพูดถึงเรื่องของวิชชาธรรมกายว่ามีอยู่จริงหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้หลวงปู่วัดปากน้ำ เคยบอกลูกศิษย์ที่ลังเลสงสัยว่า

เรามันเซอะ พระพุทธศาสนาเก๊ได้หรือ ธรรมของพระพุทธเจ้าต้องจริง ธรรมกายไม่เคยหลอกลวงใคร   
                      

      อีกครั้งหนึ่งหลวงปู่ได้เคยให้โอวาทเอาไว้ว่า
      คนเช่นเราไม่ใช่ไร้ปัญญา ชั่วก็รู้ ดีก็เห็น เราจะฆ่าตัวเราเองเพราะ ความปรารถนาลามกทำไม ที่เขาพูดหาว่าเราอย่างนั้น บางคนคงจะไม่รู้จัก คำว่า “ธรรมกาย” มีอยู่ที่ไหน หมายเอาใคร เขาอาศัยความไม่รู้มาว่าเราผู้ตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เมื่อผู้ไม่รู้มาติเตียนเรา ความไม่รู้ของเขาจะลบล้างสัจธรรมของพระพุทธศาสนาได้อย่างไร ถ้าจะกลบก็กลบได้เพียงชั่วคราว ไม่ช้าดวงแก้วของพระพุทธศาสนา ก็จะเปล่งรัศมีให้ผู้มีปัญญาเห็นด้วยสายตาของตนเอง       การที่เขานำไปพูดเช่นนั้น เป็นผลแห่งการปฏิบัติที่เราได้กระทำกันอยู่ แสดงให้เห็นว่าคณะวัดปากน้ำไม่ได้กินแล้วนอน เป็นสำนักที่เคร่งครัดในการปฏิบัติธรรม การที่เขานำไปพูดเช่นนั้น เท่ากับเอาสำนักเราไปเผยแพร่ ดีเสียกว่าการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ เพราะการที่เขานำไปพูดเช่นนั้น เป็นการกระทำของผู้พูดเอง เราไม่ได้จ้างไม่ได้วานใคร เมื่อพูดทางไม่ดีได้ก็ต้องมีคนพูดทางดีได้เหมือนกัน          ธรรมจะต้องชนะอธรรมเสมอ เราไม่ต้องเดือดร้อนใจ เพราะธรรมกายของพระพุทธศาสนาเป็นของแท้ ไม่ใช่ของเก๊หรือของเทียม ธรรมกายจะปรากฏเป็นความจริงแก่ผู้เข้าถึงธรรม เรื่องอย่างนี้เราไม่หวั่น เราเชื่อในคุณพระพุทธศาสนา 

                  

      อาตมาเองเป็นผู้หนึ่งที่เชื่อมั่นในคำสอนของหลวงปู่ว่าวิชชาธรรมกาย มีจริง โดยไม่มีความลังเลสงสัย เพราะได้พิสูจน์ด้วยตนเอง ได้มีประสบการณ์ตรง ที่เกิดจากบุคคลที่มีอยู่จริง แม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะผ่านไปนานกว่า ๓๐ ปี แต่นั่นคือจุดเปลี่ยนของชีวิต จากผู้ที่ลังเลสงสัยให้กลายเป็นผู้ที่ถวายชีวิตให้กับงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา
      ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๓๓ อาตมาได้มีโอกาสเดินทางไปจังหวัดชุมพร เพื่อไปหาข้อมูลเรื่องการปลูกสนกับพระอาจารย์วิสุทธิ์ ระหว่างหาข้อมูลก็ไปพักที่วัดเขาตาแดง ซึ่งเงียบสงบ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมมาก แต่มีอยู่วันหนึ่งทางวัดมีงาน จึงมีการเปิดเครื่องกระจายเสียง อาตมาเป็นพระบวชใหม่ ตบะยังไม่แก่กล้า จึงไปสอบถามเจ้าอาวาสว่ามีที่ไหนจะปฏิบัติธรรมได้บ้าง ท่านเลยแนะให้ขึ้นไปบนเขาที่อยู่ด้านท้ายวัด
     ในระหว่างที่อาตมาเดินขึ้นเขานั้น ได้มีเด็กสองคนเดินตามมา พร้อมกับสอบถามว่า

      หลวงพี่จะไปไหนครับ 
      อาตมาหันไปมองเด็กทั้งสอง คนหนึ่งอ้วนคนหนึ่งผอม ถามดูทั้งคู่อายุ ๑๑ ขวบเท่ากัน พอบอกว่าจะไปนั่งสมาธิ ทั้งคู่ทำหน้างง ๆ
      สมาธิคืออะไรครับหลวงพี่  คือคำถามที่ตามมา
       อาตมานึกในใจ เอาหล่ะ วันนี้จะได้กรณีศึกษาแล้ว เพราะจำได้ว่าเวลาหลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านสอนให้เด็กนั่งสมาธิท่านทำอย่างไร เลยบอกเด็กไปว่า ถ้าอยากรู้ให้ตามมา จากนั้นก็พาเด็กทั้งคู่เข้าไปในถ้ำซึ่งมีพระพุทธรูปเกศดอกบัวตูม ซะด้วย
      เมื่อพาเด็กกราบพระประธานเสร็จเรียบร้อย ก็บอกให้เด็กนั่งแบบองค์พระประธาน แล้วก็หยิบดวงแก้วที่พกติดตัวเป็นประจำให้เด็กดู บอกเด็กว่า ให้นึกเอาดวงแก้วไว้ที่กลางท้อง (อาตมาไม่ได้พูดถึงศูนย์กลางกายแม้แต่คำเดียว) พอบอกเสร็จ เด็กบอกว่า

      นึกออกแล้วครับ เห็นดวงแก้วอยู่กลางท้องเลยครับ 
      เอ้า ลองหลับตาซิ ยังเห็นดวงแก้วอยู่ไหม อาตมาถามเด็กทั้งสอง
      หลับตาแล้วเห็นชัดกว่าอีกครับหลวงพี่ 
      คำตอบของเด็ก ทำให้อาตมานิ่ง อึ้ง ความรู้สึกหลายอย่างปนเปกัน หนึ่งในความรู้สึกนั้นคือ ความน้อยใจ น้อยใจอะไรหละ ถ้าไม่ใช่น้อยใจดวงแก้วที่พกติดตัวมาตลอดสามปี แต่อาตมาไม่เคยนึกได้เลย อย่าว่าแต่นึกดวงแก้วเลย ความสว่างยังไม่เคยเห็น ที่เห็นชัดที่สุดคือ ความมืด นั่นแหละ

      อาตมาบอกเด็กให้มองดวงแก้วอย่างสบาย ๆ ไม่ได้แนะนำอะไรมากกว่านี้เลย (เพราะไม่มีปัญญาไปแนะนำอะไร) ผ่านไปประมาณ ๑๐ นาที เด็กอ้วนบอกว่า ดวงแก้วสว่างขึ้น ๆ แต่เด็กผอมนี่สิ ถามอาตมาว่า

     หลวงพี่ครับ ผมต้องทำไงครับ ดวงแก้วมันแตกออก แล้วมีดวงแก้วใหม่ มาแทน ( ความจริงคือ ดวงแก้วขยายแล้วมีดวงใหม่ผุดขึ้นมาแทนที่ แต่เด็กเขาไม่ทราบจึงเรียกไม่ถูก)
      มาถึงตรงนี้จะให้อาตมาว่าไงหล่ะ นอกจากนึกถึงคำสอนของหลวงพ่อแล้วก็บอกเด็กไปว่า 
มีอะไรให้ดูก็ดูไป ดูไปเฉย ๆ ดูไปเรื่อย ๆ อย่างสบาย ๆ  
    ขอสารภาพว่าตอนนั้นพระอาจารย์ผู้ให้คำแนะนำ หาความนิ่งไม่ได้เลย ทั้งตื่นเต้น ทั้งทึ่ง และดีใจที่เห็นเด็กนั่งได้ดี มีประสบการณ์ ยัง ยังไม่พอ นั่งไปอีกสักครู่ เด็กผอมก็บอกต่อไปอีก สร้างความทึ่งและเพิ่มศรัทธาให้กับอาตมาจนเกินบรรยาย
หลวงพี่ครับ ทำไมผมนั่งอยู่ในดวงแก้วครับ ตัวเล็ก ๆ แต่เห็นชัดมาก ขนตายังเห็นชัดเลยครับ 
     จากประสบการณ์ตรงนี้เอง จากเด็กที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งคำว่า สมาธิ และ อาตมายังไม่มีประสบการณ์อะไรเลยเห็นแต่ความมืด แเต่เมื่อนำเอาวิธีการที่ถูกต้อง จากหลวงพ่อเจ้าอาวาสมาแนะนำ สามารถทำให้เด็กมีประสบการณ์ด้วยตนเอง เป็นพยานยืนยันถึงผลการปฏิบัติในพระพุทธศาสนาได้ นั่นคือ จุดเริ่มต้นครั้งแรกที่ทำให้อาตมาเกิดความเชื่อมั่นในวิชชาธรรมกายและยืนยันได้ว่า

ความจริงก็คือความจริง (The truth is the truth)



ขอขอบคุณภาพจาก dmc.tv และ google.com
อาสภกันโต ภิกขุ
๑๑ ก.ค. ๕๙
The truth is the truth The truth is the truth Reviewed by asabha072 on 6:01 AM Rating: 5

6 comments:

  1. ขอกราบอนุโมทนาบุญเจ้าค่ะ ประสบการณ์ของหลวงพี่ให้กำลังใจในการปฏิบัติธรรมได้ดีมาก ๆ เลยค่ะ

    ReplyDelete
  2. สาธุครับผม

    ReplyDelete
  3. สาธุๆค่ะงง

    ReplyDelete
  4. ไม่งงค่ะของจริง

    ReplyDelete
  5. สาธุๆค่ะงง

    ReplyDelete
  6. สาธุ ดีมากเลยค่ะ

    ReplyDelete

Powered by Blogger.