หยุดระแวงกัน หันมาสร้างชาติกันดีไหม ?

สังคมที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขนั้นนอกจากจะมีความรัก ความผูกพันกันแล้ว สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือ ในสังคมนั้นต้องปราศจากการหวาดระแวงกัน เพราะมิฉะนั้นจะหาความสุขจากการยืน เดิน นั่ง นอน ไม่ได้เลย จะก้าวเท้าไปทางไหน ก็จะเกรงว่าจะเกิดอันตราย จะหันซ้ายหันขวา ก็เกรงว่าจะถูกตำหนิ นินทา 
ในที่สุดสังคมนั้นนอกจากจะหาความเจริญไม่ได้แล้ว นับวันจะมีแต่ความเสื่อมโทรมลงเรื่อย ๆ แม้ในปัจจุบันจะเป็นผู้นำในย่านนั้น ๆ ก็ตาม แต่ในที่สุดก็จะตกต่ำไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดจะกลายเป็นผู้ที่อยู่รั้งท้าย
ในอดีตกาลเคยมีเรื่องราวที่เป็นตัวอย่างให้เห็นถึงภัยของความหวาดระแวง จนกระทั่งเป็นเหตุให้ถึงแก่ชีวิตเลยทีเดียว เรามาลองศึกษาดูว่าเรื่องราวของ "ตโยธัมมชาดก" ว่าด้วยวานรเจ้าปัญญากันดีกว่า

ในอดีตกาลนานมาแล้ว ณ ป่าหิมพานต์ มีลิงจ่าฝูงตัวหนึ่ง นอกจากจะมีนิสัยใจคอโหดเหี้ยมแล้ว     ยังขี้ระแวงกลัวลิงตัวอื่นจะมาแย่งตำแหน่งจ่าฝูงไปจากตน แม้แต่ลูกของมันเองมันก็ยังไม่ไว้ใจ 
ดังนั้นเมื่อนางลิงตัวใดมีครรภ์แก่ คลอดลูกออกมาเป็นตัวผู้  เจ้าจ่าฝูงตัวนี้มันจะต้องรีบเข้ามากัดอวัยวะเพศให้ขาด บางตัวก็ตายบางตัวก็พิการกันเลยทีเดียว เพื่อจะไม่สามารถสืบพันธุ์ได้ และไม่สามารถตั้งตัวเป็นใหญ่เทียบเท่าตนเองได้ พูดง่าย ๆ ว่าเพื่อความมั่นคงว่างั้นเหอะ

วันหนึ่งมีนางลิงตัวหนึ่ง รู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ คิดห่วงลูกในท้อง รู้ว่าถ้าอยู่ไปเกิดคลอดลูกตัวผู้ ลูกตายแน่ จึงคิดหาวิธีให้ลูกตนเองนั้นปลอดภัย ว่าแล้วนางก็เลยอุ้มท้องข้ามเขาไปหลบอยู่ จนกระทั่งคลอดออกมา แล้วก็เป็นไปตามที่นางคาด เพราะลูกเป็นตัวผู้ซะด้วย  นางได้ตั้งใจเลี้ยงดูลูกน้อยอย่างดียิ่ง

นางเฝัาเลี้ยงลูกของนางเป็นอย่างดี จนกระทั่งลูกของนางโตเป็นหนุ่ม เจ้าลิงหนุ่มก็เกิดอยากเจอพ่อ นางลิงก็เลยต้องเล่าให้ฟังว่าพ่อมีอัธยาศัยอย่างไร หากพาไปเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย แต่เจ้าลิงหนุ่มก็บอกว่า เอาตัวรอดได้ไม่ต้องห่วง นางจึงต้องพาลูกไปพบพ่อ และแล้ววันสำคัญก็มาถึง 

เพียงแรกเจอ แทนที่พ่อลิงจ่าฝูงจะดีใจที่ได้เจอลูก กลับคิดว่าลูกจะมาแย่งตำแหน่งของตนเอง อย่ากระนั้นเลยไม่เพียงแต่คิด ว่าแล้วก็ลงมือในทีเผลอ กะว่าลูกไม่ทันระวังตัว รีบกอดรัดอย่างแรง กะว่าเอาให้กระดูกแตกเลยทีเดียว ฝ่ายเจ้าลิงหนุ่มคิดว่าพ่อกอดตัวเองแน่น คงดีใจ เลยกอดตอบซะแน่นกว่า ลิงจ่าฝูงสู้แรงลูกไม่ได้เลยคลายอ้อมกอด(เกือบซวยซะแล้ว) แล้วออกอุบายให้ลูกลิงไปเก็บบัวที่สระซึ่งมีผีเสื้อน้ำอยู่ อ้างว่าจะได้ทำพิธีแต่งตั้งให้เป็นจ่าฝูงแทนตน คิดว่าอย่างไร ลูกลิงไม่รอดแน่นอน


ฝ่ายลิงหนุ่มเมื่อมาถึงสระ ก็เดินสำรวจเห็นความผิดปกติ เพราะมีแต่รอยเท้าสัตว์ที่ลงไปในสระ แต่ไม่มีรอยกลับขึ้นมา รู้เลยว่าสระนี้ต้องมีผีเสื้อน้ำ เข้าใจในทันทีว่า พ่อทำอะไรตนเองไม่ได้เลยหลอกให้มาตายด้วยฝีมือผีเสื้อน้ำ พอมองเห็นกิ่งไม้ใหญ่ คิดด้วยปัญญาอันเฉียบแหลม จึงโหนตัวไปเก็บดอกบัวจนได้มากพอ


ในระหว่างที่ลิงหนุ่มเก็บดอกบัวอยู่ ผีเสื้อน้ำก็มองดูด้วยความชื่นชมในความกล้าหาญและชาญฉลาด จึงได้สนทนาและรับอาสาว่าจะเอาดอกบัวไปให้ เพราะอยากเห็นพิธีแต่งตั้งจ่าฝูง


ลิงจ่าฝูงเห็นลูกมาพร้อมกับผีเสื้อน้ำเกิดความตื่นเต้นตกใจ คิดว่าลิงหนุ่มนั้นคงพาผีเสื้อน้ำมาฆ่าตนแน่ เลยเกิดความกลัวสุดขีด จนขาดใจตายในที่สุด


พวกลิงทั้งหลายเมื่อเห็นจ่าฝูงตาย จึงได้พร้อมใจกันยกลิงหนุ่มให้เป็นจ่าฝูงแทน จ่าฝูงใหม่จึงจัดระบบรัฐธรรมนูญลิงใหม่อย่างยุติธรรมโดยไม่ต้องเสียเวลาร่างและลงมติให้เสียเวลา นางลิงตัวใดมีท้องก็ให้ดูแลอย่างดี แม้คลอดลูกออกมาเป็นตัวผู้ก็เลี้ยงให้ดี โดยไม่มีการหวาดระแวงอะไรทั้งสิ้น ฝูงลิงจึงอยู่กันด้วยความผาสุกตลอดมา



จากเรื่องนี้เราจะเห็นได้ว่า สังคมใดก็ตามที่มีแต่ความหวาดระแวงกัน สังคมนั้นจะหาความสุขไม่ได้เลย เพราะวัน ๆ จะนึกถึงแต่ว่าใครจะมาทำร้าย ใครจะมาโค่นอำนาจของตน มุมมองก็จะต่างกันออกไปดังนี้
สังคมที่หวาดระแวง ------ จะมองกันแบบศัตรู ---------- มีแต่ความคิดร้าย ๆ ------------ บ้านเมืองหรือสังคมนั้นล่มจม
สังคมที่ไม่หวาดระแวงกัน ---- จะมองกันแบบมิตร -------- มีแต่ความคิดดี ๆ -------------- บ้านเมืองหรือสังคมเจริญรุ่งเรือง
ดังนั้น จึงเป็นการถูกต้องแล้วหรือที่จะมองว่าผู้อื่นเป็นภัยต่อความมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัดวา ซึ่งมีแต่พระที่ตั้งใจทำงานพระศาสนา ท่านพากันสละชีวิตทางโลกออกบวช เพราะเห็นประโยชน์ต่อการที่จะนำธรรมะไปสู่ใจของชาวโลก ให้เพื่อนมนุษย์ได้มีหลักในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ลองทบทวนดูเถิดว่า ชีวิตของเราทุกคนก็ไม่ได้ยืนยาวอยู่เป็นร้อยปี พันปี เราจะสร้างรอยด่างให้เกิดขึ้นในชีวิต หรือจะสร้างความสะอาด ความงดงามของชีวิตให้เกิดขึ้น เราต้องการให้ประเทศชาติของเราก้าวไปข้างหน้า หรือต้องการให้ล้าหลังนานาประเทศ ก็สุดแต่ใจจะคิดและลงมือทำ มามองกันด้วยจิตเมตตา มองกันแบบมิตร แล้วจับมือกันทำงานเพื่อประเทศชาติกันดีไหม ?

ขอขอบคุณ เนื้อหาฉบับเต็มจาก http://www.kalyanamitra.org/th/chadok_detail.php?page=35
ขอขอบคุณ ภาพบางส่วนจาก google.com





หยุดระแวงกัน หันมาสร้างชาติกันดีไหม ? หยุดระแวงกัน หันมาสร้างชาติกันดีไหม ? Reviewed by asabha072 on 2:56 AM Rating: 5

No comments:

Powered by Blogger.