วิสัยทัศน์ที่แตกต่าง

วิสัยทัศน์ที่แตกต่าง

                               

 

              เห็นภาพบางภาพที่ถูกส่งกันต่อ ๆ มาแล้วก็อดขำไม่ได้ เป็นเรื่องของเธอคนหนึ่ง ที่ขยันให้ร้ายวัดพระธรรมกายตลอดมา เนื้อหาเป็นการสนทนาว่าในช่วงที่ผ่านมามีการรับเงินจากวัดเพื่อมานั่งตากฝน มีการให้ความเห็นขำ ๆ กันไป ทำให้นึกถึงนิทานเรื่องหนึ่งเป็น เรื่องของเต่ากับปลา

             เรื่องมีอยู่ว่า เจ้าเต่ากับเจ้าปลาก็เป็นเพื่อนกัน พบปะเจอะเจอกันก็มีเรื่องคุยกันเป็นปกติ    แต่วันหนึ่งหลังจากที่เจ้าเต่าว่ายวนไปมา ก็เกิดความเบื่อหน่ายที่เจอสภาวะแบบเดิม ๆ เลยอยากจะเปิดโลกทัศน์บ้าง ว่าแล้วก็รีบขึ้นมาบนบก ถือโอกาสเดินเข้าไปในป่า ยิ่งเข้าไปลึกมากเท่าไร ก็เกิดความตื่นตาตื่นใจ ได้เห็นสิ่งต่าง ๆ มาก มาย ไม่ว่าจะเป็นผีเสื้อสีสวย โบยบินไปมา พบธรรมชาติ ป่าเขาที่งดงาม มีผลหมาก รากไม้ สารพัดชนิด

             ด้วยความดีใจที่ได้พบเห็นสิ่งใหม่ ๆ เจ้าเต่าจึงรีบกลับมาเล่าให้เพื่อนปลาฟัง แต่แทนที่ปลาจะตื่นเต้นไปด้วย กลับกลายเป็นว่า เจ้าเต่าถูกมองว่า เป็นสัตว์ขี้โกหก เป็นตัวขี้ปด หลอกลวง พูดในสิ่งที่ไม่มีทางเป็นจริง

              หากตั้งคำถามว่าเรื่องนี้ใครผิด ก็คงจะไม่ขอตอบ เต่าผิดหรือปลาผิด หรือผิดทั้งคู่ ก็แล้วแต่จะพิจารณากัน ที่แน่ ๆ เหตุที่ทำให้ทั้งสองตัวนี้ขัดใจกันก็คือ ทัศนคติและวิสัยทัศน์ที่แตกต่างกัน

              ผมไม่แปลกใจว่า ทำไมจึงมีบางคนมองว่า ที่คนมารวมกันเยอะ ๆ ที่วัดวันนั้น เป็นเพราะถูกจ้างมา เนื่องจากเขาเองก็เคยปฏิบัติอย่างนั้น คือเวลาเขาจะรวมคนเขาก็ใช้เงินเป็นตัวตีค่าของคน เขาจึงดูถูกคนของเขาว่ามีค่าหัวเท่านั้นเท่านี้ แต่เขาไม่รู้หรอกว่า หัวใจของชาววัดที่มีความรัก ความเคารพต่อหลวงพ่อของเขานั้น มันตีค่าเป็นเงินไม่ได้ เพราะใจของกัลยาณมิตรเหล่านั้นมีค่ายิ่งกว่าเพชรยิ่งกว่าทอง ยิ่งกว่าสิ่งมีค่าใด ๆ ในโลก แต่ถึงผมจะอธิบายอย่างไร คนเหล่านั้นก็คงไม่เข้าใจ เพราะ...

วิสัยของปลาที่อยู่แต่ในน้ำก็คงจะเห็นแต่จอก แหน ในน้ำนั่นแหละครับ