ทัพพีไม่รู้รสแกง
ทัพพีไม่รู้รสแกง
รู้จักทัพพีกันไหมครับ ? เอาหล่ะ
เผื่อมีบางคนที่เป็นแม่บ้านถุงพลาสติกอาจจะไม่รู้จัก ก็ขอบอกกันง่าย ๆ ว่า ทัพพี
คือ อุปกรณ์ชิ้นหนึ่ง มีลักษณะคล้ายกับช้อน แต่ใหญ่กว่า เอาไว้ ทำอะไร
ก็เอาไว้คนอาหารเวลาเราปรุงอาหารนั่นแหละครับ
อย่าเพิ่งคิดว่าผมจะมาพูดเรื่องวิธีปรุงอาหารนะครับ
แต่กำลังจะมาพูดถึงทัพพีครับ ความน่าสนใจของทัพพีอยู่ที่ว่า
ไม่ใช่เป็นเพียงอุปกรณ์ในครัว แต่ยังสามารถเอามาเป็นคำพูด สำหรับการเปรียบเทียบ
ยังไงหรือครับ ? ปู่ ย่า ตา ยาย ของเรานี่ ภูมิปัญญาท่านเหลือหลาย จริง ๆ
ท่านจะหยิบเอาสิ่งใกล้ตัวมาให้เราได้พินิจพิจารณา เอามาเป็นเครื่องสอนลูกหลาน
เมื่อตอนผมยังเด็กจะได้ยิน
คุณป้าท่านพูดบ่อย ๆ ตอนนั้นก็ไม่เข้าใจมากนัก ความที่ บ้านผมอยู่หน้าวัด
มักจะไปวิ่งเล่นที่ลานวัดเป็นประจำ และมีความคุ้นเคยกับพระเณร เพราะ
ไปขอขนมท่านประจำ สิ่งที่คุณป้าจะถามคือ เห็นพระรูปนั้น เณรรูปนั้นไหม
พอบอกท่านว่า สึกไปแล้ว ท่านก็จะเงียบไปอึดใจ ถอนหายใจ แล้วก็จะพูดว่า “เฮ้อ
ทำตัวเป็นทัพพีที่ไม่รู้รสแกงอีกแล้ว”
ตอนนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร ฟังผ่าน ๆ
มาวันนี้
ผมค่อนข้างจะเข้าใจและซึ้งกับคำนี้พอสมควร เพราะเห็นตัวอย่างที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน ใช่ครับ ผมกำลังจะพูดถึงวัดพระธรรมกาย วัดที่กำลังเป็นข่าวดัง
ขึ้นหน้าหนึ่งทุกวันแหละครับ
เรื่องของวัดพระธรรมกายที่เกิดปัญหาก็มาจากอดีตศิษย์วัดคนหนึ่ง ที่ถูกครูบาอาจารย์สั่งสอน
แล้วไม่ฟัง พอถูกขัดใจ ก็โวยวาย ลาออกจากวัด แล้วก็ไปเที่ยวพูดให้ ครูอาจารย์เสีย
ๆ หาย ๆ ที่สำคัญไปอ้างตัวว่าเป็นคนสนิทซะด้วย ทั้งที่บวชแล้ว ก็ไม่เคยอยู่
ใกล้ครูบาอาจารย์ อาศัยที่พอมีสติปัญญา ก็เลยถูกส่งไปเรียนที่ต่างประเทศ
ด้วยหวังว่าจะเอาความรู้มาขยายงานพระพุทธศาสนา แต่ก็ไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ถนัดการโกหกพกลมไปเรื่อย ไปอยู่ต่างประเทศ ญาติโยมก็เอือมระอา
จนในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวที่ไปดูถูกอาจารย์ให้โยมฟัง เขาเลยเลิกนับถือ
เมื่อกลับมาประเทศไทย ไปอยู่วัดไหนก็อยู่ไม่ได้ ในที่สุดก็ต้อง ลาสิกขา แล้วก็มาตามไล่ล่าครูบาอาจารย์
ปั้นน้ำเป็นตัวจนมีคนหลงเชื่อ หน่วยงานรัฐบางแห่งถึงกับให้เป็นที่ปรึกษา
จนถูกตั้งข้อสังเกตว่า ถูกต้องหรือไม่ที่ทำเช่นนั้น
แฮ่ ๆ หวัดดี นาวเองน้า |
หากเราพิจารณาดูให้ดี เราจะพบว่า
ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เป็นไปเพื่อความสะอาด สว่าง สงบระงับ หากบัณฑิตผู้มีปัญญา
เมื่อเข้ามาสัมผัส จะรู้เลยว่า รสแห่งธรรมนั้น เลิศกว่ารสใด ๆ แต่ตรงกันข้าม
หากเป็นคนพาลแล้ว แม้เข้ามาอยู่ในพระศาสนา
แต่ไม่ได้ซึมซับเอาความดีงามเข้าไว้ในตนแล้ว บุคคลนั้นก็จะไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสอันโอชะแห่งธรรมนั้นแต่อย่างใด
น่าเสียดายนะ หากว่าเกิดเป็นมนุษย์ทั้งที
แต่เป็นได้แค่ “ทัพพีที่ไม่รู้รสแกง”
อนาคาริก
06/05/16
06/05/16
ทัพพีไม่รู้รสแกง
Reviewed by asabha072
on
5:44 AM
Rating:
ทัพพีไม่รู้รสแกง ตักแกงจนหมดหม้อก็หารู้รสชาดไม่ เปรียบคนจัญไรนาม "มะนาว" มาอาศัยพระศาสนาแต่หารู้คุณพระรัตนตรัยสักนิดนึงก็หาไม่ น่าสมเพช น่าสงสารยิ่งนัก
ReplyDeleteคนมีความรู้ความสามารถถ้าเอาไปทำความดี ก็เก็บเกี่ยวผลบุญได้เยอะกว่าคนอื่น ฉันใดก็ฉันนั้นถ้าเอาความรู้ความสามารถไปทำความชั่วก็ได้ผลบาปมากกว่าคนอื่นเช่นกัน
ReplyDeleteคนมีความรู้ความสามารถถ้าเอาไปทำความดี ก็เก็บเกี่ยวผลบุญได้เยอะกว่าคนอื่น ฉันใดก็ฉันนั้นถ้าเอาความรู้ความสามารถไปทำความชั่วก็ได้ผลบาปมากกว่าคนอื่นเช่นกัน
ReplyDeleteท้พพียังพอว่าแต่ทรพีนี่จะว่าไงครับ
ReplyDeleteท้พพียังพอว่าแต่ทรพีนี่จะว่าไงครับ
ReplyDeleteว้าว!!!ใช่เลยไม่รู้รสแห่งธรรมแล้วยังมีแถมบาปใส่ร้ายป้ายสีครูบาอาจารย์อีกด้วย ขุมไหนอ่ะ?!!!
ReplyDeleteพวกที่คิดชั่ว ก็ต้องหาเรื่องพูดชั่วไม่มีทางที่จะเปลี่ยนความคิดของตัวเองได้ ใส่ร้ายอยู่เรื่อยไป มันไม่มีทางมองเห็นเดือน คะวันแล้ว
ReplyDelete