หลวงพ่อสอนอะไร(ตอนที่ ๑๗)
หลวงพ่อสอนอะไร(ตอนที่ ๑๗)
อาตมาอ่านข่าวออนไลน์จากหนังสือพิมพ์หลายฉบับ อ่านแล้วก็สงสารนักเขียนหลาย ๆ ท่าน ก็ขอเล่าตรง ๆ ว่า เมื่อตอนที่เจอบทความเหล่านี้แรก ๆ นั้น ก็ร้อน ๆ เหมือนกัน แต่พอนานวันเข้า นึกถึงวันที่อาตมาเคยกราบเรียนถามหลวงพ่อธัมมชโยว่า หลวงพ่อไม่โกรธพวกนักข่าวหรือ ที่เขียนโจมตีหลวงพ่อมาตลอด คำตอบของหลวงพ่อเป็นเหมือนโอสถทิพย์ที่ทำให้อาตมารักษาใจได้จนทุกวันนี้
ขณะนั้นหลวงพ่อกำลังจะกลับเข้าที่พัก เมื่อท่านได้ยินคำถามของอาตมา ท่านค่อย ๆ หันมาแววตาของท่านเปี่ยมด้วยความเมตตา แล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า
“ หลวงพ่อจะโกรธเขาได้อย่างไร ในเมื่อต่อไปพวกเราก็ต้องขนเขาไปให้หมด ”
อาตมากล้ายืนยันว่า หากใครก็ตามได้เข้ามารู้จักหลวงพ่อจริง ๆ จะรู้จะเข้าใจว่าหลวงพ่อมีความคิดอย่างไร และดำเนินชีวิตอย่างไร (เว้นแต่คนใจบอดที่คอยจับผิดครูบาอาจารย์และมีอคติอยู่ในใจ)
หลายคนมองหลวงพ่อด้วยความไม่รู้ ทำให้ตีความผิด ๆ คิดว่าหลวงพ่อสร้างวัดเพราะมีวัตถุประสงค์ในทางลบ เลยหวาดระแวงไปหมดทำให้เห็นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง แต่คนที่มาวัดจะเข้าใจชัดเจนว่าสิ่งที่หลวงพ่อท่านทำ ไม่ใช่เพื่อตัวท่านเอง แต่เพื่อพวกเราต่างหาก
นึกง่าย ๆ เดิมท่านคิดว่าจะสร้างวัดเล็ก ๆ แค่มีพระสัก ๑๐ รูป หากท่านไม่เปลี่ยนความคิด ป่านนี้อาตมาจะไปแสบอยู่ที่ไหนไม่รู้ ประเทศชาติอาจจะได้ทนายแสบ ๆ มาคนหนึ่งแทนที่จะได้พระภิกษุที่หวังจะเผยแผ่งานพระพุทธศาสนา
ไม่ต้องไปนึกเลยว่าหลวงพ่อท่านบวชมาเพื่อเอาอะไร แค่อาตมาเอง ไม่ได้มีปณิธานยิ่งใหญ่แบบท่าน อาตมายังไม่เคยคิดเลยว่าบวชแล้วจะมาสะสมอะไร ไม่เคยสนใจลาภ ยศ ตำแหน่ง ชื่อเสียง ความคิดนี้อาตมาได้ต้นแบบจากครูของอาตมา คือ หลวงพ่อทั้งสองนั่นเอง
สิ่งที่ลูก ๆ จะได้ยินหลวงพ่อท่านรำพึงอยู่เสมอคือ
“ นี่หากย้อนเวลาได้ หลวงพ่ออยากย้อนเวลาไปในช่วงที่เจอยายใหม่ ๆ ชีวิตตอนนั้นมีแต่ยายกับธรรมะ วัน ๆ นึกถึงแต่ยายกับธรรมะ เรียนหนังสือก็แค่เรียน ๆ ไป แต่ใจนึกถึงแต่ยายกับธรรมะ มันเป็นชีวิตที่มีความสุขที่สุด ”
สิ่งที่หลวงพ่อมุ่งหวังและเป็นปณิธานที่สำคัญอยู่ที่ปณิธานของการสร้างวัด ด้วยความกตัญญูต่อพระพุทธเจ้า หลวงปู่วัดปากน้ำและคุณยายอาจารย์ ท่านจึงมีความตั้งใจว่า
“ จะเผยแผ่พระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกายไปทั่วโลก โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เผ่าพันธุ์ และเพศ วัย ”
คำพูดนี้ไม่ใช่แค่คำที่สวยหรู แต่เป็นการลงสู่การปฏิบัติจริง ทุกวัดในต่างประเทศ หลวงพ่อไม่เคยสั่งให้เราไปเปลี่ยนแปลงใคร เมื่อเขามาฝึกสมาธิก็กำหนดนิมิตเป็นดวงแก้วไปเพราะเป็นของกลาง ๆ
เมื่อตอนที่อาตมาบวชได้ ๔ พรรษา ได้มีโอกาสติดตามหลวงพ่อและหมู่คณะ ไปปฏิบัติธรรมที่ดอยสุเทพ-ปุย ขอบอกว่าช่วงนั้นมีความสุขมาก เข้าใจความรู้สึกของหลวงพ่อธัมมชโยเลย เพราะนอกจากเวลาฉันและจำวัดแล้ว มีแต่การปฏิบัติธรรมทั้งวัน จะมีช่วงพักบ้างก็หลังจากนั่งธรรมะรอบบ่ายเสร็จราว ๑๖.๓๐ น. ช่วงนี้พวกเรามักจะไปเดินผ่อนคลายเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ เพราะกว่าจะเริ่มนั่งรอบเย็นก็เวลา ๑๘.๐๐ น.
มีวันหนึ่ง อาตมากับหลวงพี่อีกสามสี่รูป ได้พากันเดินไปดูหมู่บ้านใกล้ ๆ ที่ปฏิบัติธรรม เดินไปเดินมา มองไปที่บ้านหลังหนึ่ง เห็นมีเด็กหนุ่มชาวเขาเมียงมองเราอยู่ ก็เลยเดินเข้าไปทัก คุยไปคุยมา เลยรู้ว่าเป็นลูกครึ่ง อ๊ะ อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นลูกครึ่งไทย ฝรั่ง หรืออะไร คือเขาเองมีพ่อเป็นพุทธ แต่แม่เป็นคริสต์ ตัวเขาเองถือคริสต์ตามแม่ อาตมาก็เลยถามเขาว่า เคยฝึกสมาธิไหม เขาก็ตอบว่า
คำสอนของหลวงพ่อธัมมชโย ผุดขึ้นมาทันที
“ การฝึกสมาธิเป็นเรื่องของการฝึกใจ ไม่เกี่ยวกับเรื่องของความเชื่อ ยิ่งฝึกยิ่งดี ไม่ขัดกับหลักศาสนาใด ๆ ในโลก ”
ว่าแล้วอาตมาก็รีบคว้าโอกาสเลย แนะนำกันทั้ง ๆ ที่ยืนอยู่นั่นแหละ ให้เขานึกดวงแก้ว เอาดวงแก้วให้ดู พวกก็นึกไม่ได้ซะนี่ ก็เลยนึกถึงที่หลวงพ่อเคยสอนไว้อีกแหละ
“ การกำหนดบริกรรมนิมิตหรือเครื่องหมาย เพื่อให้ใจมีที่ยึดที่เกาะ ดังนั้นหากนึกดวงแก้ว องค์พระไม่ได้ จะนึกอะไรก็ได้ ที่เรานึกได้ง่าย ๆ หรือที่เราชอบใจ ”
อาตมาเลยให้เขานึกถึงสิ่งที่เขาแขวนนั้นแหละ พอบอกอย่างนี้พวกบอกนึกได้ทันทีเพราะคุ้นเคย ก็ให้เขาดูไปเรื่อย ๆ และแล้วเพียงแค่ไม่ถึง ๕ นาที
“ หลวงพี่ .....สว่างมากเลยครับ สว่างจริง ๆ มีความสุขมาก เย็นสบายมากเลยครับ ”
นี่คือสิ่งที่ยืนยันว่า หลวงพ่อไม่เคยสอนให้ติดนิมิตอย่างที่ผู้ไม่รู้กล่าวหา นิมิตนั้นเป็นเพียงแค่อุปกรณ์ในการที่นำมาใช้เพื่อให้ใจรวม ให้ใจหยุด แต่เมื่อใจหยุดแล้ว นิมิตนั้นก็ไม่ได้มีความจำเป็นอีกต่อไป อุปมาเหมือนกับเราจะข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง เมื่อเราขึ้นเรือจากฝั่งนี้แล้ว พอถึงฝั่งตรงข้าม เราก็ไม่ได้แบกเรือไปด้วย เราก็มุ่งหน้าไปหาประสบการณ์ที่อยู่ข้างหน้าต่อไป
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าใครยังกล้าถามว่า " แล้วตอนนั้นหลวงพี่เห็นอะไรเจ้าคะ " รับรองมีเคือง ห้ามสงสัย คำตอบก็รู้ ๆ อยู่นี่นา
ขอขอบคุณภาพจาก google.com
อาสภกันโต ภิกขุ
๔ ส.ค. ๕๙
“ หลวงพ่อจะโกรธเขาได้อย่างไร ในเมื่อต่อไปพวกเราก็ต้องขนเขาไปให้หมด ”
อาตมากล้ายืนยันว่า หากใครก็ตามได้เข้ามารู้จักหลวงพ่อจริง ๆ จะรู้จะเข้าใจว่าหลวงพ่อมีความคิดอย่างไร และดำเนินชีวิตอย่างไร (เว้นแต่คนใจบอดที่คอยจับผิดครูบาอาจารย์และมีอคติอยู่ในใจ)
หลายคนมองหลวงพ่อด้วยความไม่รู้ ทำให้ตีความผิด ๆ คิดว่าหลวงพ่อสร้างวัดเพราะมีวัตถุประสงค์ในทางลบ เลยหวาดระแวงไปหมดทำให้เห็นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง แต่คนที่มาวัดจะเข้าใจชัดเจนว่าสิ่งที่หลวงพ่อท่านทำ ไม่ใช่เพื่อตัวท่านเอง แต่เพื่อพวกเราต่างหาก
นึกง่าย ๆ เดิมท่านคิดว่าจะสร้างวัดเล็ก ๆ แค่มีพระสัก ๑๐ รูป หากท่านไม่เปลี่ยนความคิด ป่านนี้อาตมาจะไปแสบอยู่ที่ไหนไม่รู้ ประเทศชาติอาจจะได้ทนายแสบ ๆ มาคนหนึ่งแทนที่จะได้พระภิกษุที่หวังจะเผยแผ่งานพระพุทธศาสนา
ไม่ต้องไปนึกเลยว่าหลวงพ่อท่านบวชมาเพื่อเอาอะไร แค่อาตมาเอง ไม่ได้มีปณิธานยิ่งใหญ่แบบท่าน อาตมายังไม่เคยคิดเลยว่าบวชแล้วจะมาสะสมอะไร ไม่เคยสนใจลาภ ยศ ตำแหน่ง ชื่อเสียง ความคิดนี้อาตมาได้ต้นแบบจากครูของอาตมา คือ หลวงพ่อทั้งสองนั่นเอง
สิ่งที่ลูก ๆ จะได้ยินหลวงพ่อท่านรำพึงอยู่เสมอคือ
“ นี่หากย้อนเวลาได้ หลวงพ่ออยากย้อนเวลาไปในช่วงที่เจอยายใหม่ ๆ ชีวิตตอนนั้นมีแต่ยายกับธรรมะ วัน ๆ นึกถึงแต่ยายกับธรรมะ เรียนหนังสือก็แค่เรียน ๆ ไป แต่ใจนึกถึงแต่ยายกับธรรมะ มันเป็นชีวิตที่มีความสุขที่สุด ”
สิ่งที่หลวงพ่อมุ่งหวังและเป็นปณิธานที่สำคัญอยู่ที่ปณิธานของการสร้างวัด ด้วยความกตัญญูต่อพระพุทธเจ้า หลวงปู่วัดปากน้ำและคุณยายอาจารย์ ท่านจึงมีความตั้งใจว่า
“ จะเผยแผ่พระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกายไปทั่วโลก โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เผ่าพันธุ์ และเพศ วัย ”
คำพูดนี้ไม่ใช่แค่คำที่สวยหรู แต่เป็นการลงสู่การปฏิบัติจริง ทุกวัดในต่างประเทศ หลวงพ่อไม่เคยสั่งให้เราไปเปลี่ยนแปลงใคร เมื่อเขามาฝึกสมาธิก็กำหนดนิมิตเป็นดวงแก้วไปเพราะเป็นของกลาง ๆ
ที่นิวเจอร์ซี มีชาวท้องถิ่น ชื่อ ดร. โจแอน เข้าวัดเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว มาช่วยงานแปล มาฝึกสมาธิเป็นประจำ รักเคารพหลวงพ่อมาก แต่เราก็ไม่เคยไปบอกให้เขาเปลี่ยนความเชื่อแต่อย่างใด ขอเพียงแค่เขาเป็นคนดี ทุกวันนี้เขาก็ทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนาเป็นประจำ
เมื่อตอนที่อาตมาบวชได้ ๔ พรรษา ได้มีโอกาสติดตามหลวงพ่อและหมู่คณะ ไปปฏิบัติธรรมที่ดอยสุเทพ-ปุย ขอบอกว่าช่วงนั้นมีความสุขมาก เข้าใจความรู้สึกของหลวงพ่อธัมมชโยเลย เพราะนอกจากเวลาฉันและจำวัดแล้ว มีแต่การปฏิบัติธรรมทั้งวัน จะมีช่วงพักบ้างก็หลังจากนั่งธรรมะรอบบ่ายเสร็จราว ๑๖.๓๐ น. ช่วงนี้พวกเรามักจะไปเดินผ่อนคลายเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ เพราะกว่าจะเริ่มนั่งรอบเย็นก็เวลา ๑๘.๐๐ น.
มีวันหนึ่ง อาตมากับหลวงพี่อีกสามสี่รูป ได้พากันเดินไปดูหมู่บ้านใกล้ ๆ ที่ปฏิบัติธรรม เดินไปเดินมา มองไปที่บ้านหลังหนึ่ง เห็นมีเด็กหนุ่มชาวเขาเมียงมองเราอยู่ ก็เลยเดินเข้าไปทัก คุยไปคุยมา เลยรู้ว่าเป็นลูกครึ่ง อ๊ะ อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นลูกครึ่งไทย ฝรั่ง หรืออะไร คือเขาเองมีพ่อเป็นพุทธ แต่แม่เป็นคริสต์ ตัวเขาเองถือคริสต์ตามแม่ อาตมาก็เลยถามเขาว่า เคยฝึกสมาธิไหม เขาก็ตอบว่า
“ ผมเป็นคริสต์ฝึกสมาธิได้หรือ ”
คำสอนของหลวงพ่อธัมมชโย ผุดขึ้นมาทันที
“ การฝึกสมาธิเป็นเรื่องของการฝึกใจ ไม่เกี่ยวกับเรื่องของความเชื่อ ยิ่งฝึกยิ่งดี ไม่ขัดกับหลักศาสนาใด ๆ ในโลก ”
ว่าแล้วอาตมาก็รีบคว้าโอกาสเลย แนะนำกันทั้ง ๆ ที่ยืนอยู่นั่นแหละ ให้เขานึกดวงแก้ว เอาดวงแก้วให้ดู พวกก็นึกไม่ได้ซะนี่ ก็เลยนึกถึงที่หลวงพ่อเคยสอนไว้อีกแหละ
“ การกำหนดบริกรรมนิมิตหรือเครื่องหมาย เพื่อให้ใจมีที่ยึดที่เกาะ ดังนั้นหากนึกดวงแก้ว องค์พระไม่ได้ จะนึกอะไรก็ได้ ที่เรานึกได้ง่าย ๆ หรือที่เราชอบใจ ”
อาตมาเลยให้เขานึกถึงสิ่งที่เขาแขวนนั้นแหละ พอบอกอย่างนี้พวกบอกนึกได้ทันทีเพราะคุ้นเคย ก็ให้เขาดูไปเรื่อย ๆ และแล้วเพียงแค่ไม่ถึง ๕ นาที
“ หลวงพี่ .....สว่างมากเลยครับ สว่างจริง ๆ มีความสุขมาก เย็นสบายมากเลยครับ ”
นี่คือสิ่งที่ยืนยันว่า หลวงพ่อไม่เคยสอนให้ติดนิมิตอย่างที่ผู้ไม่รู้กล่าวหา นิมิตนั้นเป็นเพียงแค่อุปกรณ์ในการที่นำมาใช้เพื่อให้ใจรวม ให้ใจหยุด แต่เมื่อใจหยุดแล้ว นิมิตนั้นก็ไม่ได้มีความจำเป็นอีกต่อไป อุปมาเหมือนกับเราจะข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง เมื่อเราขึ้นเรือจากฝั่งนี้แล้ว พอถึงฝั่งตรงข้าม เราก็ไม่ได้แบกเรือไปด้วย เราก็มุ่งหน้าไปหาประสบการณ์ที่อยู่ข้างหน้าต่อไป
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าใครยังกล้าถามว่า " แล้วตอนนั้นหลวงพี่เห็นอะไรเจ้าคะ " รับรองมีเคือง ห้ามสงสัย คำตอบก็รู้ ๆ อยู่นี่นา
ขอขอบคุณภาพจาก google.com
อาสภกันโต ภิกขุ
๔ ส.ค. ๕๙
หลวงพ่อสอนอะไร(ตอนที่ ๑๗)
Reviewed by asabha072
on
8:29 AM
Rating:
ก็เห็นเด็กคริสต์คนนั้นไงครับ..55
ReplyDeleteชัดร้อยเปอร์เซนต์เลยครับ
Deleteสาธุค่ะอ่านไปอมยิ้มไปขำเล็กๆค่ะอนุโมทนาบุญค่ะ
ReplyDeleteเห็นภาพตามเลยค่ะ สาธุๆ
ReplyDeleteกราบขอบพระคุณครับ
ReplyDeleteสาธุสาธุสาธุคะ
ReplyDeleteสาธุครับ
ReplyDeleteสาธุครับ
ReplyDeleteสอนให้เป็นคนดีค่ะ
ReplyDeleteพระอาจารย์แจกอมยิ้มอีกแล้วนะเจ้าคะ อนุโมทนาบุญเจ้าค่าาา
ReplyDeleteสอนให้สั่งสมนิสัยดีๆ
ReplyDeleteสาธุเจ้าค่ะ
ReplyDeleteสาาธุๆๆ กับธรรมะอันล้ำค่าและสะท้อนถึงคุณธรรมและพระคุณของพระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุนี(หลวงพ่อธัมมชโย) ได้เป็นอย่างดียิ่ง กราบอนุโมทนาบุญครับ
ReplyDeleteกราบขอบพระคุณค่ะ
ReplyDeleteตามติดติดตามหลวงพ่อค่ะ ไม่โกรธแม้กระทั่งคนผูกโกรธ
ReplyDeleteใจของพระเดชพระคุณหลวงพ่อมีแต่ความเมตตากรุณา
ReplyDeleteทาน ศีล ภาวนา
ReplyDeleteสาธุๆๆ ค่ะ นับว่ามีบุญมากๆๆ เลยที่ได้มาเจอพระพุทธศาสนา ที่สอนให้มนุษย์รักบุญกลัวบาป สอนให้ทำแต่ความดี
ReplyDeleteสาธุๆๆ ค่ะ คุ้มค่ะที่ได้เกิดมาเจอคำสอนของพระพุทธเจ้า
ReplyDeleteสาธุ สาธุ สาธุเจ้าค่ะ
ReplyDeleteสาธุๆๆๆๆ
ReplyDeleteสาธุๆๆ อนุโมทนาด้วยอย่างยิ่ง
ReplyDeleteAnother inspiring and great article!
ReplyDeleteสาธุๆ
ReplyDeleteใจผู้ยิ่งใหญ่ครอบทั้ง 3ภพ
ReplyDeleteใจผู้ยิ่งใหญ่ครอบทั้ง 3ภพ
ReplyDeleteสาธุคะ
ReplyDeleteสาธุๆๆ
ReplyDeleteสุดยอดเลยค่ะ สาธุๆๆ
ReplyDeleteสุดยอดเลยค่ะ สาธุๆๆ
ReplyDeleteสาธุค่ะ
ReplyDeleteผมรู้สึกว่า คำสอนของท่านมีเหตุผลน่ารับฟังและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริงครับ
ReplyDeleteสาธุครับ
ReplyDeleteช่างเป็นคำสอนที่มีเหตุผลโดยแท้
ReplyDeleteสาธุ สาธุ สาธุค่ะ
ReplyDeleteสาธุ สาธุ สาธุค่ะ
ReplyDeleteหลวงพี่เล่าสนุกมากเห็นภาพตามเลยค่ะดูมีความสุขมากนะเจ้าคะ
ReplyDeleteสาธุ ๆๆๆ
ReplyDeleteสาธุเจ้าค่ะ ได้เคล็ดไม่ลับอีกแล้ว ไม่ต้องติดนิมิตร เอาอะไรก็ได้ที่เขาชอบ. กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ. หลวงพ่อบอกหลายครั้งแต่มันไม่ปริ้งเท่าที่หลวงพี่เล่าให้ฟังเจ้าค่ะ
ReplyDeleteเคล็ดไม่หลับ ทำใจสบายๆ
ReplyDeleteอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์ครับ
ReplyDeleteขอกราบอนุโมทนาบุญในข้อเขียนของท่านค่ะ เป็น แนวทางการนำไปประยุกต์ใช้ในการนั่งสมาธิที่ดีสำหรับทุกๆคนค่ะ สาธุ
ReplyDeleteสาธุ ฝึกจิตไห้อยู่กับตัวก็ดีนะค่ะ
ReplyDeleteสาธุ ฝึกจิตไห้อยู่กับตัวก็ดีนะค่ะ
ReplyDeleteสาธุค่ะ
ReplyDeleteกราบอนุโมทนาพระอาจารย์ครับ
ReplyDeleteสาธุๆค่ะกราบอนุโมทนากับพระอาจารย์ค่ะ
ReplyDeleteต้องใจใสๆ ฝึกสมาธิอย่างต่อเนื่อง
ReplyDeleteต้องใจใสๆ ฝึกสมาธิอย่างต่อเนื่อง
ReplyDeleteสาธุครับ
ReplyDeleteกราบขอบพระคุณครับ
ReplyDeleteกราบขอบพระคุณครับ
ReplyDeleteอนุโมทนาสาธุค่ะ
ReplyDeleteคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกศาสนาและเผ่าพันธ์ล้วนสามารถหาความสุขที่แท้จริงภายในศูนย์กลางกายได้
ReplyDelete👏👏👏💐🙏🙏🙏
ReplyDeleteสาธุครับ
ReplyDeleteสาธุค่ะ
ReplyDeleteหลวงพ่อสอนธรรมะทั้งหมด มุ่งสู่ความไม่ประมาทคือสันติสุขภายใน เพื่อเกิดสันติสุขของโลกมาโดยตลอด
ReplyDeleteสาธุ ครับ
ReplyDeleteความเมตตาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อยิ่งใหญ่มากมาย โชคดีของพวกเราจริงๆ ที่เกิดมาชาติหนึ่งได้พบครูบาอาจารย์ผู้มีหัวใจยิ่งใหญ่ดุจพระโพธิสัตว์จะพาชาวโลกไปให้หมด
ReplyDeleteใช้ภาษาจากประสบการณ์จริงถ่ายทอดแล้วนึกภาพตามเรื่องราวได้ชัดมากค่ะ...สาธุๆๆๆค่ะ
ReplyDeleteสาธุๆๆกราบอนุโมทนาบุญกับความเมตตาของท่านด้วยเจ้าค่ะ
ReplyDeleteสาธุๆๆกราบอนุโมทนาบุญกับความเมตตาของท่านด้วยเจ้าค่ะ
ReplyDeleteสาธุๆๆกราบอนุโมทนาบุญด้วยนะคะ
ReplyDeleteสาธุค่ะ
ReplyDeleteสาทุค่ะ
ReplyDeleteสาธุ บรรยายได้ฟีลมากเลยครับ ศาธุๆ
ReplyDeleteสาธุ
ReplyDeleteหลวงพ่อสอนให้เราเป็นคนดี
ReplyDeleteสาธุๆๆครับ
ReplyDeleteสาธุครับ
ReplyDeleteสาธุค่ะ
ReplyDeleteสาธุ รักหลวงพ่อที่สุดมนโลกค่ะ. ชอกราบอนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ
ReplyDeleteสาธุครับ
ReplyDeleteสาธุครับ
ReplyDeleteสาธุ สาธุ สาธุครับ
ReplyDeleteหลวงพ่อเปี่ยมด้วยเมตตาธรรม......ผู้ที่ปฏิบัติธรรมได้ผลดีย่อมมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ที่ต้องการให้มนุษย์ทุกเชื้อชาติศาสนาและเผ่าพันธ์ุได้เข้าถึงความสุขภายในทุกๆคน......สาธุ
ReplyDeleteอ่านแล้วซาบซึ้งพระคุณหลวงพอทั้ง ๒ อย่างยิ่งเลยครับ เมื่อครบทุกตอนแล้วขอฉบับรวมแล่มด้วยนะครับ
ReplyDeleteกราบสาธุๆเจ้าคะ
ReplyDeleteกราบสาธุๆเจ้าคะ
ReplyDeleteกราบสาธุเจ้าค่ะ
ReplyDelete