หลวงพ่อสอนอะไร(ตอนที่ ๑๔๑) ไม่มีอะไรใหม่สำหรับคุณยายอาจารย์

 หลวงพ่อสอนอะไร(ตอนที่ ๑๔๑)

ไม่มีอะไรใหม่สำหรับคุณยายอาจารย์

        ในสังคมปัจจุบันที่เรียกได้ว่าวิวัฒนาการต่าง ๆ ในโลก ล้วนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จนแทบจะตามกันไม่ทัน เรามียานพาหนะที่ไม่ต้องใช้น้ำมัน เรามีการสื่อสารข้ามโลกได้เพียงมีโทรศัพท์ เรามีการซื้อของออนไลน์และจ่ายเงินโดยไม่ต้องจับธนบัตรหรือเหรียญ เรามีอะไรอีกมากมายที่มีการเปลี่ยนแปลงทุก ๆ วินาที

         ในความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนั้น หลวงพ่อทัตตชีโว ได้เล่าให้ลูก ๆ ฟังว่า สำหรับคุณยายอาจารย์แล้ว สิ่งต่าง ๆ ไม่ได้มีผลทำให้ท่านต้องตื่นเต้นอะไรเลย คุณยายเคยบอกหลวงพ่อว่า 

         " หลวงพ่อทัตตะจำไว้นะ ที่ว่าไอ้โน่นสมัยใหม่ ไอ้นี่สมัยใหม่ อะไรต่อมิอะไร มันไม่ได้ใหม่อะไรหรอก มันเคยเกิดขึ้นในโลกนี้ มานับครั้งไม่ถ้วน ท่านก็รู้นี่ว่าโลกมันเกิดแล้วก็แตกดับ แตกดับแล้วก็เกิดใหม่ เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดในโลกนี้ ซ้ำทั้งนั้น ยายถึงได้บอกท่าน เมื่อพันปีที่แล้ว คนก็มีกิเลส ๓ ตัว โลภ โกรธ หลง เดี๋ยวนี้ก็โลภ โกรธ หลง ต่อไปข้างหน้าอีกพันปี มันก็โลภ โกรธ หลง แต่วิธีที่จะสนองโลภ โกรธ หลง มันต่างกัน ยุคโบราณ โกรธกันขึ้นมา ก็ใช้ดุ้นฟืนตีกันตาย ต่อมาเอาหอก เอาดาบ แทงกันตาย ฟันกันตาย ต่อมาก็เอาปืนยิงกันตาย จากยิงทีละนัด ต่อมาก็ยิงหูดับตับไหม้ตาย ต่อมาก็เอาระเบิด แต่ว่าทั้งหมดนั้นก็เกิดจากความโกรธ ดังนั้นเมื่อพันปีที่แล้ว มีโลภ โกรธ หลง ยังไง เดี๋ยวนี้ก็โลภ โกรธ หลง เหมือนเดิม "

         อาตมาได้กราบเรียนถามหลวงพ่อว่า จากคำกล่าวของคุณยาย หลวงพ่อมองอย่างไร ท่านได้เมตตาตอบว่า " หลวงพ่อต้องมาคิดไตร่ตรอง ใช่ เทคโนโลยีมันเปลี่ยน ก็ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีด้วย ไม่ใช่ไม่ให้ความสำคัญ ถ้ามองว่าเทคโนโลยี เป็นตัวสนอง ที่จะทำให้ดูว่าโลกมันเปลี่ยน แต่จริง ๆ มันไม่ได้เปลี่ยน เป็นรอบที่เท่าไร เท่านั้นเอง มันเป็นรอบ ๆ "

         หลวงพ่อได้เมตตาเล่าเพิ่มเติมว่า " เรื่องเหล่านี้ที่เคยเกิดขึ้นในโลก ก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นเราอยู่ที่ไหน แต่เราก็เคยเจอของเหล่านี้มาแล้ว มันก็บันทึกเอาไว้ในใจ เพราะฉะนั้นเวลาเรานิ่ง ๆ มันก็กรอกลับมาอีกหล่ะ เหมือนอย่างกับกรอหนังกลับ กรอวีดีโอกลับ ยายพูดแค่นี้ หลวงพ่อเข้าใจ

         ก่อนยายจะไปยายย้ำอีก ท่านจำไว้นะ นั่งน้อยเรื่องมาก นั่งมากเรื่องน้อย ยายไปหล่ะ "

         สิ่งที่อยากจะฝากเป็นข้อคิดสำหรับทุกท่านคือ อย่าลืมว่าคุณยายอาจารย์ของเรา ท่านอ่านหนังสือไม่ได้ เขียนก็ไม่ได้ แต่ที่ท่านรู้ทุกเรื่องราว เพราะความรู้ของท่านได้จากการ " เห็น " ภายใน ท่านจึงสามารถนำสิ่งที่ " เห็น " นั้นมาถ่ายทอดให้กับลูกศิษย์ หลานศิษย์ได้ ดังนั้น หากเราอยากจะเป็นเช่นคุณยาย ก็ต้องทำธรรมะให้ได้เหมือนกับท่าน

 

 

 

 

                                                                                 อาสภกันโต ภิกขุ

                                                                                    ๖ พ.ย. ๖๔